บล.คันทรี่ กรุ๊ป:
PTTEP ราคาขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หนุนกำไร 3Q21
เราคาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 3Q21 ท่ี 1.01 หมื่นล้านบาท (+40%YoY, +41%QoQ)
- โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเติบโตของปริมาณการขาย และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ย (ASP) ที่ +20% และ +13% ตามลำดับ
- ในขณะที่การเติบโต QoQ จะเกิดจากการขาดทุนท่ีลดลงจากการป้องกันความเสี่ยงที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดไว้ใน 3Q21 เทียบกับที่ 127 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q21
- เราคาดว่าปริมาณการขายจะลดลง QoQ ใน 3Q21 เนื่องจากคำสั่งซื้อก๊าซจาก PTT ท่ีลดลง ในขณะที่ ASP จะปรับตัวดีข้ึน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มข้ึน โดยราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเพิ่มข้ึนเป็น US$72/bbl ใน3Q21 (+67%YoY, +7%QoQ)
- ใน 4Q21 กำไรของบริษัทมีแนวโน้มท่ีสดใส ด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และราคาขายเฉลี่ยท่ีแข็งแกร่งจากราคาน้ำมันดิบ คาดว่าจะปรับตัวข้ึนอย่างต่อเนื่อง
- เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐาน 146 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC9.4%, TG2%) การประเมินมูลค่าของเราอิง 11xPE’22
ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
คาดกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท (+40%YoY, +41%QoQ)
- เราคาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท (+40%YoY, +41%QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเติบโตของปริมาณขาย +20% และราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้น +13% และการเติบโต QoQ เกิดจากการขาดทุนลดลงของการป้องกันความเสี่ยงจำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดว่าจะรับรู้ใน 3Q21 เทียบกับที่ 127 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q21
- ปริมาณการขายใน 3Q21 เราคาดว่าจะอยู่ที่ 414kBOED (+20%YoY, -7%QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากโครงการ Oman Block 61 และ Sabah H ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ใน 1Q21 ในขณะที่การลดลง YoY มีสาเหตุจากคำสั่งซื้อก๊าซจาก PTT ที่ลดลง (เหตุจากการปิดโรงงานแยกก๊าซ) ราคาขายเฉลี่ย (ASP) คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ US$44.5/BOE (+14%YoY, +5%QoQ) ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเพิ่มขึ้นเป็น US$72/bbl ใน3Q21 (+67%YoY, +7%QoQ) และคาดต้นทุนต่อหน่วยที่ US29.4/bbl เพิ่มขึ้น 8%QoQ จากค่าใช้จ่ายในการสำรวจที่สูงขึ้น
การจำกัดอุปทานของ OPEC+ ช่วยผลักดันราคาน้ำมันดิบ
OPEC+ คงแผนเพิ่มการผลิต
• ในวันที่ 4 ต.ค. กลุ่ม OPEC+ ได้ประชุมและมีมติปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันขึ้น 4 แสนบาร์เรล/วันในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าตลาดจะเรียกร้องให้มีการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น และราคาที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทาง OPEC+ ได้ตกลงที่จะเพิ่มผลผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน ตั้งแต่ในเดือน กรกฎาคมไปจนถึงเดือนเมษายน 2022 จากนั้นจะพิจารณายุตินโยบายการผลิต 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 4Q21
- เรามองว่าการตัดสินใจคงแผนเพิ่มการผลิตของ OPEC+ เป็นบวกต่อตลาดน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ US$ 80/bbl ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ (+57%YTD) ด้วยแรงหนุนหลักจากอุปสงค์ที่ เพิ่มขึ้น หลังการการเร่งฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงการผ่อนคลายมาตราการ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และเอเชีย จากการที่กลุ่ม OPEC+ ยังคงรักษาแผนเพิ่มการผลิตในปัจจุบัน เราจึงคาดว่าน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวสูงขึ้น แตะ US$90/bbl ใน 4Q21
- อัตราการเติบโตของการฉีดวัคซีนโดยรวมเริ่มประกาศออกมาแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามากกว่า 50% ของประชากรในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ได้รับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจำนวนผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ทั่วโลกที่ลดลงได้ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องใน 4Q21 ถึง 2022
- แผนสำหรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นแบบเลือกชนิดเองได้ แสดงถึงความเสี่ยงเล็กน้อยด้านมาตรการที่เข้มงวดใน สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
- เมื่อสถานการณ์ในเอเชียฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นเหมือนในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เราคาดว่าการเดินทางโดยเที่ยวบินระหว่างประเทศจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 4Q21 โดยเราเชื่อว่ายังมีความต้องการน้ำมันดิบอยู่สูง
Revenue Breakdown
รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งคิดเป็นที่สัดส่วน 98% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ส่วนที่เหลืออีก 2% เป็นธุรกิจส่งก๊าซและธุรกิจอื่นๆ โดยก๊าซคิดเป็น 71% ของปริมาณการขายทั้งหมด ในขณะที่น้ำมันมีสัดส่วนที่ 29%
ราคาขายน้ำมันนั้นสูงกว่าราคาก๊าซ รายได้จากก๊าซคิดเป็น 62% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่น้ำมันคิดเป็น 38% ผลิตภัณฑ์น้ำมันสามารถแบ่งออกเป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยรายได้จากการขายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 22% และ 17% ของรายได้รวมตามลำดับ
บริษัทลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รายได้ของบริษัทประมาณ 80% มาจากในประเทศ 18% มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอีก 2% มาจากประเทศอื่นๆ