บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) “3Q21 แม้มีปิดโรงงานอาหารสัตว์แต่กำไรยังดี”

3Q21 คาดกำไรสุทธิ 1,802 ลบ. (-12%YoY,-23%QoQ)

ผลประกอบการงวด 3Q21 คาดว่าจะเห็นการอ่อนตัวลงหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับอดีตยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยเราคาดไว้ที่ 1,802 ลบ. (-12%YoY,-23%QoQ) ได้รับแรงกดดันจากการปิดโรงงานชั่วคราว 3 แห่ง ได้แก่ ท่ีสงขลา 2 แห่ง (โรงงานอาหารสัตว์และอาหารทะเล) และที่เวียดนาม (ระยะเวลาปิดเฉลี่ย 10 วัน-2 เดือนครึ่ง) ทำให้รายได้เติบโตได้เพียง 3%YoY, 0.1%QoQ มาอยู่ที่ 35,909 ลบ. โดยเป็นการเติบโตดีในกลุ่มของอาหารแช่แข็ง หลังจากร้านอาหารในต่างประเทศกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ส่วนอาหารสัตว์คาดว่าจะลดลงจาก 2Q21 เพราะปัญหาการปิดโรงงานข้างต้น กำไรขั้นต้นคาดไว้ที่ 18.2% ทรงตัวจากปีก่อน แต่ลดลงจาก 19% ใน 2Q21 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มข้ึน 3%YoY, 4%QoQ มาอยู่ท่ี 4,453 ลบ. เป็นผลมาจากต้นทุนการขนส่งเพิ่มตามค่าระวางเรือและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนอยู่ท่ี 9 ลบ. จากที่รับรู้กำไร 258 ลบ. ใน 3Q20 แต่ขาดทุนลดลงจาก 75 ลบ. ใน 2Q21 โดย Red Lobster มีผลขาดทุนเพิ่มข้ึนจากปีก่อน จากที่มีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มหลังกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง ส่วนขาดทุนลดลงจาก 2Q21 ส่วนหนึ่งจากผลประกอบการของ Avanti Feed ที่ดีขึ้น รวมแล้วในช่วง 9M21 TU จะมีกำไรสุทธิ 5,948 ลบ. (+24%YoY)

แนวโน้ม 4Q21 ยังดูดีเมื่อเทียบกับปีก่อน

แนวโน้มในช่วง 4Q21 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ เมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากโรงงานท่ีถูกปิดไปในช่วง 3Q21 ปัจจุบันกลับมาเปิดหมดแล้ว ขณะที่ความต้องการยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสัตว์สำหรับการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาทั้งการเข้าถือหุ้นใน RBF นั้น คาดว่าจะเร่ิมเห็นผลดีตั้งแต่งวด 4Q21 เป็นต้นไป ผ่านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในสัดส่วน 10% ด้านการออกสินค้าในกลุ่มใหม่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Alternative Seafood หรืออาหารเสริมที่ทำจากปลาภายใต้แบรนด์ ZEAVITA เป็นต้น

คงประมาณการเดิมก่อน

แม้ว่าเราจะคาดกำไรในช่วง 3Q21 จะอ่อนตัวลง แต่เป็นการลดลงจากฐานท่ีสูง ขณะท่ีหากเทียบกับในอดีตยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีอยู่ เราจึงยังคงประมาณการณ์กำไรท้ังปีไว้ท่ี 7,354 ลบ. (+18%YoY) สำหรับคำแนะนำการลงทุน จากกำไรที่ออกมายังถือว่าดูดีถ้าเทียบกับอดีต อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และในอนาคตจะมีการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียน ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับ TU ได้อีกมาก เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานได้ที่ 25 บาท (16XPER’22E)

- Advertisement -