บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Thai Oil ประมาณการ 3Q64: base GRM คาดว่าจะดีอย่างน่าแปลกใจ
Event
ประมาณการ 3Q64
Impact
คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q64F จะเพิ่มขึ้นถึง 264%YoY และ 23%QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของอTOPอในอ3Q64 จะอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (+264%YoY, +23%QoQ) โดยกำไรที่ เพิ่มข้ึนทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะคาด base GRM ดีข้ึนอย่างมากเป็น US$1.4/bbl จาก –US$1.1/bbl ใน 3Q64 และ US$0.4/bbl ใน 2Q64 เนื่องจาก spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลฟื้นตัวข้ึน 3-19%QoQ เป็น US$11.8/bbl, US$5.4/bbl และ US$5.4/bbl ตามลำดับ นอกจากน้ี TOP ยังน่าจะบันทึกกำไรพิเศษอีกประมาณ 630 ล้านบาท ใน 3Q64 จาก i) การขายหุ้น Ubon Bio Ethanol (UBE.BK/UBE TB) 98 ล้านหุ้น จากการเข้าจดทะเบียนใน SET และ ii) การจัดชั้นเงินลงทุนท่ีเหลืออยู่ใหม่เนื่องจาก TOP ยังมีหุ้นของ UBE เหลืออีก 485 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.4% แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตราการกลั่นจะลดลง 6%QoQ เหลือ 255KBD เนื่องจากสถานการณ์ COVID- 19 ท่ีระบาดหนักในประเทศไทยใน 3Q64 ในขณะท่ี spread ของ BZ ยังลดลง 9% QoQ เหลือ US$284/ton จากระดับท่ีสูงใน 2Q64 และ spread ของน้ำมันหล่อลื่น 500SN ลดลง 14%QoQ เหลือ US$895/ton เนื่องจากโรงงานในเอเซียแปซิฟิกท่ีปิดซ่อมบำรุงประจำปีไปในช่วง 2Q64 กลับมาเดินเครื่องผลิตอีกคร้ัง ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า TOP จะมีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงใน 3Q64 เพิ่มข้ึน 41%QoQ เป็น 1.6 พันล้านบาท
เข้าซื้อหุ้น 15% ใน CAP เสร็จเรียบร้อยแล้วต้ังแต่เดือนกันยายน
ในเดือนกันยายนท่ีผ่านมา TOP ได้ชำระเงินงวดแรก 913 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อซื้อหุ้น 15% ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งมีกำลังการผลิตปิโตรเคมีในปัจจุบันอยู่ที่ 4,232KTA นอกจากน้ี Chandra Asri กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขยายกำลังการผลิต CAP2 อีก 3,858 KTA ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ฯ โดยผู้บริหารของ TOP คาดว่า Chandra Asri จะได้ข้อสรุป (FID) โครงการขยายกำลังการผลิต CAP2 ในปลายปี 2565 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับท่ี TOP จะต้องชำระเงินงวดที่สองอีก 270 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อซื้อหุ้นพิ่มอีก 0.38% ใน CAP ดังนั้น การขยายกำลังการผลิตจะทำให้ CAP มีกำลังการผลิตปิโตรเคมีเพิ่ม ข้ึน 91% เป็น 8,090 KTA ภายในปี 2569
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายปี 2565 เอาไว้เท่าเดิมท่ี 63.00 บาท (ยังไม่รวมแผนเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท) อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่ 7.5x เรามองว่า TOP จะเป็นหน่ึงในบริษัทไทยที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด เมื่อ spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นฟื้นตัวข้ึน เพราะกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 50-60% ของ EBITDA รวม แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เลือก TOP เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงาน เพราะเรายังเป็นห่วงเก่ียวกับแผนเพิ่มทุนใน 1H65 ในขณะเดียวกัน เรามองว่าประมาณการกำไรปี 2564 ของเรายังมี upside อีกประมาณ 20-30% จากกำไรจากสต็อกน้ำมันท่ีเพิ่มข้ึน และกำไรพิเศษจากการขายหุ้น UBE ใน 3Q64
Risks
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงการเพิ่มทุนใน 1H65 และการเลื่อนกำหนด COD ของโครงการ CFP จาก 3Q66 เป็นปี 2567