Update รายงานประชุมเฟด // ติดตามการประชุม ศบค.
- Update รายงานการประชุมเฟดเดือน ก.ย.กรรมการเฟดส่วนใหญเ่ห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในการทำ QE ในช่วงกลางเดือนพ.ย.หรือ กลางเดือนธ.ค.ปีนี้ ขณะที่ CPI ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสหรัฐ ปรับตัวข้ึน 0.4% ในเดือน ก.ย. อยู่ที่ระดับ 5.4% สูงกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ Bond yield 10 ปี สหรัฐเริ่มชะลอตัวลง บ่งชี้ได้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐไม่ได้พุ่งข้ึนแรงอย่างที่ตลาดกังวล
- โอเปกปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกปีนี้ ประเมินความต้องการน้ำมันในปีหน้าจะเพิ่มข้ึน 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเดือนก.ย. โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพราะได้ปัจจัยหนุนจากแรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในประเทศ ผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ และจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีข้ึน โดยหลังประกาศนี้ กดดันราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น
- วันนี้การประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศ ทั้งยอดผู้ติดเชื้อ ผลการฉีดวัคซีน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอาจมีมาตรการผ่อนปรนการคลาย lockdown ในพื้นที่สีแดงเข้ม หลังนายก ฯ ได้ประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. นี้ รวมถึงอาจลดเวลาเคอร์ฟิว เหลือ 5 ทุ่ม – ตี 3 ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในชายแดนภาคใต้เริ่มวิกฤต
- Strategy เราแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Tourism และ Domestic consumption ภายหลังที่นายกประกาศเปิดประเทศ เราชอบ MINT ERW AOT ที่มีความน่าสนใจ EV/EBITDA ปัจจุบันยังต่ำกว่าในระยะยาว และ CPALL BJC HMPRO DOHOME COM7 SYNEX MAJOR BTS BEM ที่จะได้รับประโยชน์จาก income effect จากแนวโน้มรายได้คนในประเทศปรับสูงข้ึน ทำให้มีกำลังซื้อที่มากข้ึน
Investment Highlights
- คงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 64 ไว้ที่ 20-25% แม้ว่าในช่วง 3Q64 ที่ผ่านมาจะมีผลกระทบจากจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาครัฐบาลได้ใช้มาตรการปิดเมือง ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการเล็กน้อย
- ใน 4Q64 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทมียอดคาสั่งผลิตล่วงหน้าไปถึง 1Q65 แล้ว และถือว่ามากกว่าที่บริษัทคาดไว้ ประเมินแนวโน้มยอดการผลิต รถยนต์ในประเทศที่ 1.65-1.7 ล้านคัน หรือเติบโตในระดับ 15-20% จากปีก่อนหลังคลาย lockdown
- ปี 2564-2568 ได้วางกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ จากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ให้สอดคล้องกับแผนส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าภาครัฐบาล ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งผลิตในส่วนของรถพลังงานแบตเตอรี แต่ยังมีสัดส่วนที่น้อย
Investment Strategy
ระยะสั้นแนวโน้มการแกว่งตัวแท่งเทียนเป็นการสร้างฐานราคาในลักษณะ Lower Up แนวรับระหว่างวันเน้นยืน 18.50 และแนวรับหลัก 18.50 เป็นจุดพิจารณาสำคัญ ระดับราคาทดสอบผ่านแนวต้าน SMA13วัน ที่ทำหน้าที่เส้นแนวต้านขาลง 19.40 ผ่านยืนมั่นคงเป็นสัญญาณซื้อเล่นรอบ และสิ้นสุดรอบการปรับตัวขาลง
คำแนะนำของ ASL
กรณี “มีหุ้น” ถือ เพิ่มการลงทุน/แนวต้าน 19.40/20 มีโอกาสทดสอบ
กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 18.80/18.50 ไม่ควรต่ำกว่า
กระแสข่าวหุ้น
ประเด็นบวก
- GULF รอดค่าเสื่อม AIS เลือกบันทึกส่วนได้เสียทุน จับตาไตรมาส 3 กำไรนิวไฮ 3 พันล้าน: GULF บันทึกบัญชีลงทุน INTUCH เป็นวิธี equity method (ส่วนได้เสีย) ดันกำไรสูงกว่าวิธี consolidate ปีละ 2 พันล้าน บาท เหตุไม่ต้องบันทึกมูลค่าสินทรัพย์ ADVANC เข้ามาในงบฯ ฟากโบรกฯ คาดไตรมาส 3/64 กำไรทำนิวไฮกว่า 3 พันล้านบาท บุ๊กกำไร INTUCH เต็มไตรมาส รับผลดีเปิดประเทศดีมานด์ไฟฟ้าพุ่ง พร้อมลุ้นแผนพลังงานของไทยและเวียดนาม มีโอกาสคว้าโครงการเพิ่ม
- SVT ลุยจับมือ ‘บัตรแรบบิท’ เพิ่มช่องทางชำระเงินผ่านตู้: “ซันเวนดิ้ง ฯ” ผนึกกำลัง “บัตรแรบบิท” ขยายฐานลูกค้าเพิ่มช่องทางชำระค่าสินค้าผ่านเครื่อง SUN Vending ด้วย Rabbit Card พร้อมวางเป้าเพิ่มจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รองรับจุดชำระเงินและเติมเงินผ่านบัตรแรบบิท มากกว่า 1,000 ตู้ ภายใน 5 ปี
- TIDLOR กำไร Q3 ยังโตต่อสินเช่ือ-ขายประกันหนุน: บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) แนวโน้มกำไร Q3 ฟื้นตัวจากงวด Q2 รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์หนุนสินเช่ือโตต่อ ส่วนไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นการปล่อยสินเช่ือและขายประกัน ขณะที่ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 37% ในรอบ 5 เดือน สะท้อนความกังวลเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวไปมากแล้ว แนะนำ “ซื้อ”
- MAKRO ลุยรับโอนโลตัสส์ฉลุย จ่อออกหุ้นเพิ่มทุนขาย PP-PO ภายในปีนี้: ผู้ถือหุ้น MAKRO ไฟเขียวรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซียทั้งหมดจาก CPRH พร้อมอนุมัติออกหุ้นเพิ่มทุนขาย PP ไม่เกิน 5,010.32 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 43.50 บาท มูลค่ารวม 217.95 ล้านบาท ให้ CPRH และขาย PO ไม่เกิน 1,362 ล้านหุ้นภายในปีนี้ ดันฟรีโฟลตเพิ่มมากกว่า 15% จ่อเข้าดัชนี SET50
ประเด็นลบ
- IMF ลดการเติบโตทั่วโลกปีนี้เหลือ 5.9% ปัญหาซัพพลายเชนและแรงกดดันเงินเฟ้อยับยั้งการฟื้นตัว: ไอเอ็มเอฟลดแนวโน้มการเติบโตทั่วโลกในปีนี้เหลือ 5.9% จากที่คาดการณ์ไว้ 6% ในเดือนกรกฎาคม แต่ยังคงประมาณ การเติบโตของปีหน้าไว้ที่ 4.9% เช่นเดิม ชี้ปัญหาซัพพลายเชน และแรงกดดันเงินเฟ้อกำลังยับยั้งเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิด ขณะเดียวกันได้ลดแนวโน้มการเติบโตของสหรัฐ 1% และลดการเติบโต “ASEAN-5” ซึ่งประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ลงประมาณ 1.4%
GLOBAL MARKET
สหรัฐฯ | ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง เนื่องมาจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งข้ึนเกินคาดในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดพุ่งข้ึนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร |
ยุโรป | ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ผลประกอบการเชิงบวก และการเปิดเผยผล ประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ |
น้ำมัน | สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลด คาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ |
ทองคำ | สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งข้ึน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ |
ดอลลาร์สหรัฐฯ | ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง |