Daily View
เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุม ศบค. มีมติขยายระยะเวลาเปิดร้านสะดวกซื้อ ศูนย์การค้า ตลาดนัด โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ถึง 22.00 น. จากเดิมถึงแค่เพียง 21.00 น. ขณะเดียวกันลดระยะเวลาเคอร์ฟิวลงเหลือ 23.00 – 03.00 น. จากเดิม 22.00 – 04.00 น. มองปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงกลางๆต่อการลงทุน คาดไม่มีผลอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากอยู่ในคาดการณ์ของตลาดอยู่แล้ว ส่วนหุ้นรับผลบวก ได้แก่ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME HMPRO) ร้านอาหาร (M) ศูนย์การค้า (CPN) รถไฟฟ้า (BTS BEM) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มเปิดเมืองควรต้องเริ่มใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นมากขึ้น เนื่องจากว่าปัจจุบันหลายตัวราคาหุ้นปรับขึ้นมาสูงกว่าก่อน COVID-19 ที่ยัง Laggard (ไม่กลับไปเท่า COVID-19) ได้แก่ BEM BTS CPN M MAJOR ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจได้แก่ (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาที่ 2.93 แสนตำแหน่งดีกว่าตลาดคาดที่ 3.15 แสนตำแหน่ง (2) ดัชนีราคาผู้ผลิตออกมาที่ 0.5% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.6% แต่พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง 3 วันติดต่อ สะท้อนถึงตลาดเริ่มคลายกังวลกับเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน
สำหรับ SET INDEX วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบ 1641 – 1650 ตามจิตวิทยาการลงทุนที่เป็นบวกจาก (1) Dow Jones ปิดบวก 1.5% ตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการ Bank of America และ Morgan Stanly ที่ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ (2) ราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% หลังมีรายงานว่า ซาอุปฎิเสธข้อเรียกร้องจากสหรัฐในการขอให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) (3) Nikkei เช้านี้เคลื่อนไหวแดนบวก 0.7% (4) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนต่อ Fund Flow ต่างชาติ
กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นแนะน้ำมัน (PTTEP) รวมถึง Domestic Play แต่ควรพิจารณาการเลือกหุ้นมากขึ้นหลังราคาหุ้นหลายตัวปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าระดับก่อน COVID-19 อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) รถไฟฟ้า (BTS BEM) ขณะเดียวกันคงมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มท่องเที่ยว ส่วนทยอยสะสมแนะ SCGP
Stock Pick
SCGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72 บาท) คาดกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 1.97 พันล้านบาท (+48%YoY, -13%QoQ) ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดรอบสามไตรมาสจากอุปสงค์ที่ลดลงจากการล็อกดาวน์ในประเทศและตลาดส่งออกในอาเซียน อย่างไรก็ตาม คาดกำไรจะฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป ด้วยแรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ IPC ที่มีอัตรากำไรสูงและการคลายล็อกดาวน์
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) คาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิเติบโตใน 3Q21 ที่ 10.1 พันล้านบาท (+40% YoY, +41% QoQ) การเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเติบโตของปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้น +20% และ +13% ตามลำดับ ในขณะที่การเติบโต QoQ จะเกิดจากการขาดทุนที่ลดลงจากการป้องกันความเสี่ยงที่คาดไว้ใน 3Q21 ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 127 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q21