CIVIL จับมือ “ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น” ภายใต้กิจการร่วมค้ายูเอ็น-ซีซี ลงนามสัญญากับ กทพ. ร่วมพัฒนาและบริหารงานโครงการก่อสร้างทางพิเศษ รวมมูลค่าโครงการ 7,350 ล้านบาท พร้อมนำจุดแข็งด้านบุคลากร การใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรอุปกรณ์มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จได้ทันตามกำหนด
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า บริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม CIVILได้ร่วมกับ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ภายใต้กิจการร่วมค้ายูเอ็น-ซีซี ลงนามสัญญาพัฒนาและบริหารโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 รวมระยะทาง 6.4 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 7,350 ล้านบาท กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยบริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จำกัด มีสัดส่วนการดำเนินงานร้อยละ 30 สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อเชื่อมโยงโครงการคมนาคม ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่ประชาชนสัญจรลงสู่ภาคใต้และช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทจะนำจุดแข็งด้านบุคลากร การใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรอุปกรณ์มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จได้ทันตามกำหนด รวมถึงความสามารถด้านการผลิตของโรงงานชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานในโครงการนี้ โดยก่อสร้างทางยกระดับขนาด 6 ช่องทางจราจร ด้วยโครงสร้างรูปแบบคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องสำเร็จรูปซ้อนทับไปตามแนวเกาะกลางถนนพระราม 2 ซึ่งมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร ที่มีความท้าทายเชิงบริหารจัดการโครงการในหลายมิติ เนื่องจากแนวเส้นทางก่อสร้างในโครงการอยู่บนถนนสายหลักที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น และมีบ้านพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีระบบสาธาณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ท่อก๊าซธรรมชาติใต้ดิน แนวสายไฟฟ้าแรงสูง แนวท่อประปา เป็นต้น
“บริษัทมีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ จากการเข้าร่วมกับพันธมิตรภายใต้กิจการร่วมค้ากับ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ เพื่อร่วมบริหารโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 ที่มีส่วนช่วยพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมให้ให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางและขนส่งสินค้า ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว
*****************************