ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ : 19838)

รีบาวด์ตามจิตวิทยาหุ้นโลก

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ฟื้นตัว … หลังจากเมื่อวานนี้ดัชนีฯ เทรดไซด์เวย์ตลอดทั้งวันก่อนปิดลบเล็กน้อย (อ่อนแอกว่าที่เราคาด) แต่นักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในฝั่งซื้อสุทธิต่อเนื่อง ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯแรลลี่โดดเด่นตอบรับ i) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลง 2.93 แสนคน ต่ำสุดครั้งใหม่นับจากวิกฤต COVID-19 และต่ำกว่าที่ consensus คาดที่ 3.19 แสนคน ii) ธนาคารขนาดใหญ่ถึง 4 แห่ง ได้แก่ Morgan Stanley, Bank of American, Citigroup และ Wells Fargo รายงานกำไรไตรมาส 3/2564 สูงกว่าที่ consensus คาดอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐฯที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ทำให้เราเชื่อว่านักลงทุนน่าจะรับรู้ประเด็นที่ ธ.กลางสหรัฐฯเตรียมลด QE ในเดือนหน้าไปแล้ว …. ด้านปัจจัยภายในประเทศ ศ.ค. มีมติผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม ลดเวลาเคอร์ฟิวเหลือช่วง 23.00-3.00 ในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้เพื่อเป็นการเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในเดือน พ.ย. ขณะที่เช้านี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่อยู่ที่ 10,486 ราย เสียชีวิต 94 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 10,711 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ : 28668)

เก็งกำไร PSH*, BTS*, MAJOR*

  • PSH* (เป้าพื้นฐาน) 1) ประเมินแนวรับ 13.2 บาท / แนวต้าน 13.5 – 13.8 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 14.3 บาท (Stop loss 13.0 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาด i) มีโครงการคอนโดฯ 7 แห่งเสร็จพร้อมโอนใน 2H64 ii) แผนเปิดตัวโครงการใหม่ 15 โครงการมูลค่ารวม 1.78 หมื่นล้านบาทใน 2H64 3) ธุรกิจโรงพยาบาลแม้คาดว่าจะยังขาดทุน แต่คาดจะได้อานิสงส์จากการฉีดวัคซีนโควิด -19 (เป็นผลบวกทั้งรายได้และการสร้างฐานลูกค้าใหม่) 4) Forward PE ปี 2564 เท่ากับ 9.9 เท่า และคาดจะลดลงเหลือ 7.7 เท่าในปีหน้า ผลจากฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปีหน้าโต +30%YoY
  • BTS* (เป้าพื้นฐาน 12.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.65 บาท / แนวต้าน 9.9 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 10.3 บาท (Trailing stop 9.45 บาท) 2) ประเมินธุรกิจหลักรับ Sentiment บวกจากการเตรียมเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการประเทศภายใน 4Q64 คาดจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในระบบฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว 3) ประเมิน Catalyst บวกอื่นๆ i) การลงทุนกับพันธมิตรอาทิกลุ่ม JMART* ที่คาดจะหนุนผลการดำเนินงาน, ii) คาดพันธมิตร BGSR (BTS*, GULF*, STEC*, RATCH*) ยังเดินหน้าประมูลงานโครงการโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายโครงการ และ iii) Upside จากประเด็นกรณีฟ้องร้องกรณีภาครัฐฯ ค้างชำระค่าเดินรถสายสีเขียว
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 22.7 บาท / แนวต้าน 23.7 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสปิดแก๊ปราคาที่แนวต้าน 24.8 บาท (Trailing stop 22 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม Reopening อย่างกลุ่มโรงแรม (กลุ่มโรงแรมส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปสู่ระดับเท่ากับหรือสูงกว่าก่อนวิกฤตโควิต -19 กันแล้ว ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ คาด Earnings momentum ของ MAJOR จะทยอยฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ โดยคาด 3Q64 บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF (ลุ้นปันผลพิเศษหลังงบการเงินปี 2564), 4Q64 จะเริ่มพลิกมีกำไรจากการดำเนินงานหลังเริ่มเปิดประเทศ, ปี 2565 คาดพลิกเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 588 ล้านบาท 3) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน PBV ปีนี้ หลังรวมกำไรจากการขาย SF จะอยู่ที่ 2.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.5 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) KBANK* เบอร์ 2 หุ้น HENG เทียบกลยุทธ์แตกเพื่อโต (ทันหุ้น) จับตาการเดินเกมการเงิน KBANK หลัง HENG เปิดทางให้ถือหุ้น 10% บิ๊กล็อตวันเทรด 19 ตุลาคม ราคาเท่าไอพีโอ 1.95 บาท ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 วงการวิเคราะห์เป็นโมเดลรวยกระจายของ BANK* ตาม SCB ด้านที่ปรึกษาการเงินช่วยหนุน HENG ความสามารถแข่งขันที่เป็นอัพไซด์ต่อหุ้น เหตุราคาไอพีโอไม่นับรวมการที่ KBANK* เข้าร่วมทุน

(+) MAKRO รับโอน “กลุ่มโลตัสส์” เตรียมขายหุ้นเพิ่ม Free Float (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ผู้ถือหุ้นแม็คโครไฟเขียวรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์เสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ พร้อมจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด เป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมด เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุนเพิ่ม Free Float ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าผนึกกำลัง “เอสเอ็มอี (SMEs) ผู้ผลิตสินค้ารายย่อย” ต่อเนื่อง หนุนผ่านการเป็นช่องทางการกระจายสินค้าของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส”

(-) เฮียริ่งสคบ. ทุบหุ้นเช่าซื้อคุมดอกเบี้ยไม่เกิน 15% คืนรถต้องจบหนี้! SINGER*- TIDLOR*-KTC* รอด (ข่าวหุ้น) สคบ. ระดมความเห็น (เฮียริ่ง) 20 ต. ค. นี้ ซื้อเกณฑ์เช่าซื้อรถคุมดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ผู้เช่าบอกเลิกสัญญาห้ามเก็บหนี้ส่วนขาด ปิดสัญญาก่อนต้องมีส่วนลดของดอกเบี้ย ด้านผู้ประกอบการค้านเหตุมีความเสี่ยงสูง ส่วนโบรกฯ ชี้กระทบหุ้นเช่าซื้อ SAWAD* AMANAH NCAP ส่วน TIDLOR* MTC* กระทบน้อย สัดส่วนพอร์ตฯ แค่ 0.5-3% ขณะที่ SINGER*, THANI, AEONTS* และ KTC* รอดไม่เข้าข่าย ด้านกลุ่มแบงก์โล่งคิดดอกเบี้ยป้ายแดง 3-5%

(+) ASIAN เล็งส่งบ.ลูกเข้า SET ขยายธุรกิจแปรรูปปลาทูน่า (ทันหุ้น) ASIAN เล็งเป็นบริษัท ลูก “เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI*)” เข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) ภายในไตรมาส 4/2565 ระดมทุนขยายธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการจำหน่ายและส่งออก รวมถึงลดต้นทุนทางการเงิน

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.55 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 6.7 บาท)
  • SPRC* (เป้าพื้นฐาน 11.4 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 10.4 บาท)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 27 บาท) แนวรับ 21.4 บาท / แนวต้าน 22.1 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 21 บาท)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนวรับ 138 บาท / แนวต้าน 142 145 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 136 บาท)
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 57 บาท) แนวรับ 44.0 บาท / แนวต้าน 46.5 – 47.5 บาท (Trailing stop 44 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.38 บาท / แนวต้าน 3.44 – 3.60 บาท (Trailing stop 3.26 บาท)
  • SA (เป้า Consensus 15 บาท) แนวรับ 9.0 บาท / แนวต้าน 9.2-9.45 บาท (Stop loss 8.9 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • TISCO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 108 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 1.56 พันล้านบาท (-6%QoQ,-3% YoY) ต่ำคาด -4% แต่ใกล้เคียง Consensus คาด ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวใน 4Q64 และการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในปีหน้า จึงปรับเป้าหมาย PE ขึ้นเป็น 11 เท่า (เดิม 10.5 เท่า) และด้วย Dividend yield 7% ต่อปี ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)
  • SAT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 21 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q64 = 220 ล้านบาท (+ 172% YoY, -7% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะโตเด่น YoY เป็นผลจากฐานต่ำ ขณะที่การชะลอตัวลง QoQ เป็นผลจากคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง ยังคงแนะนำ “ซื้อ” คาดยอดคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ยังแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • AOT* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 74.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุน 4.15 พันล้านบาทใน 4Q64 (ปิดงบเดือน ก.ย. ) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าไตรมาสนี้จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของ AOT และจะพลิกฟื้นหลังการเปิดประเทศ

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์หลักทรัพย์ /2. เป้าพื้นฐานหมายถึงราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -