บล.ทรีนีตี้:

ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป – TISCO

กําไร 3Q64 ใกล้เคียงคาด

  • กําไร 3Q64 อยู่ที่ 1,560 ล้านบาท อ่อนตัว 6% QoQ และ 3% YoY ใกล้เคียงคาด
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวตามแนวโน้มสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมือง
  • ขณะที่การปิดเมืองและภาวะตลาดทุนส่งผลกระทบต่อรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย
  • ปัจจัยบวกจึงมาจากค่าใช้จ่ายสํารองหนี้ที่ลดลง แม้สัดส่วน NPL จะสูงขึ้น แต่ยังไม่มากเท่ากับที่ตั้งสํารองล่วงหน้าไว้
  • คาดแนวโน้ม 4Q64 ดีขึ้น รายได้อาจกลับมาเติบโตหลังผ่านช่วงปิดเมือง บวกกับยังมีสำรองส่วนเกินที่รอกลับสํารองตามแผน
  • คงราคาเป้าหมาย 106 บาท คาดปันผลยังสูงจูงใจ คงคำแนะนำ “ซื้อ”

กําไร 3Q64 ใกล้เคียงคาด

TISCO ประกาศกำไร 3Q64 ที่ 1,560 ล้านบาท อ่อนตัว 6%QoQ และ 3%YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยรายได้ดอกเบี้ยอ่อนตัวราว 3%QoQ ตามแนวโน้มสินเชื่อที่อ่อนตัวลงราว 4%QoQ หลังช่วงโรคระบาดและปิดเมือง ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์อ่อนตัวลง ส่งผลกระทบต่อสินเชื่อรายย่อย อีกทั้งยังมีลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการชำระคืนสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินยังลดลงต่อเนื่อง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลงเพียง 2%QoQ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่ออ่อนตัวลงตามสินเชื่อ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุนอ่อนตัวจากภาวะตลาดทุนที่ไม่ดีเท่ากับไตรมาสก่อน นอกจากนี้ยังมีขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลงค่อนข้างมากราว 31%QoQ ปัจจัยหนุนในไตรมาสนี้จึงมาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงราว 5%QoQ แต่เมื่อเทียบรายได้รวมที่ลดลงค่อนข้างมากแล้ว ทำให้ Cost-to-income เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 47% จาก 44% ในไตรมาสก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง 55%QoQ โดยหลักเป็นการลดลงหลังใน 1H64 ได้มีการตั้งสำรองส่วนเกินไว้ค่อนข้างมาก ขณะที่ใน 3Q64 แม้สัดส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.67% จาก 2.42% ในไตรมาสก่อน แต่เป็นระดับที่ดีกว่าที่คาดไว้ จึงทําให้ตัดสินใจลดสํารองหนี้ลง ขณะที่ยังมีการกลับสำรองส่วนเกินตามเป้าหมาย

ยังคงประมาณการกำไรปี 64

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2564 ไว้ที่ 6,605 ล้านบาท (+9%YoY) โดยกำไรงวด 9M64 คิดเป็นราว 76% ของประมาณการทั้งปี สำหรับกำไรงวด 4Q64 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ หลังผ่านสถานการณ์การระบาดและการปิดเมืองไปแล้ว ซึ่งจะทำให้รายได้ฟื้นตัว อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้คาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ จากการกลับสำรองส่วนเกินตามแผนซึ่งยังเหลืออีกราว 264 ล้านบาท ที่เตรียมกลับในช่วงปลายปี

ยังคงแนะนํา “ซื้อ” คาดปันผลยังสูงจูงใจ

เราคงราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 106 บาท อิง PBV 1.9 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside บวกกับปันผลปี 2554 ที่เราคาดว่าจะจ่ายที่ 6.9 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 7.5% ซึ่งยังสูงจูงใจ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อ NIM

- Advertisement -