บล.คันทรี่ กรุ๊ป:
EBITDA ใน 3Q21 เป็นบวกสามไตรมาสติดต่อกัน
เราคาดว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 3Q21 ที่ 2.8 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้าน
บาทใน 3Q20 และขาดทุนสุทธิ 3.9 พันล้านบาทใน 2Q21 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมใน ยุโรป และธุรกิจอาหารในจีนและออสเตรเลีย
- เราคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 38% จาก 32% ใน 3Q20 และ 28% ใน 2Q21 จากผลการดำเนินงานท่ีแข็งแกร่งขึ้นในยุโรปจากการผ่อนคลายล็อคดาวน์ตั้งแต่ช่วงกลางพ.ค. 21
- ในขณะเดียวกันการเติบโตของยอดขายสาขาของธุรกิจอาหารจะกลับกลายเป็นติดลบใน 3Q21 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการบริหารจัดการร้านอาหารในไทย
- เราคาดผลประกอบการใน 4Q21 ยังคงขาดทุนแต่ดีข้ึนเมื่อเทียบกับปีก่อนจากศักยภาพในการดำเนินการในยุโรปดีขึ้น และการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ในไทย อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลประกอบการจะลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low-season ในยุโรป
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายท่ี 36.0 บาท อิงวิธีการ DCF (WACC ท่ี 7% และ WACC ที่ 2%) เท่ากับ 59.7xPE’22 และ 36.6xPE’23 หนุนจาก (1) สถานการณ์โควิดและการกระจายวัคซีนที่ดีขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และ (2) การคลายล็อคดาวน์ในหลายประเทศในยุโรป
Update Scorecard
คาดการณ์กำไรสุทธิใน3Q21
- เราคาดว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 3Q21 ที่ 2.8 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้านบาทใน 3Q20 และขาดทุนสุทธิ 3.9 พันล้านบาทใน 2Q21 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในยุโรปและธุรกิจอาหารในจีนและออสเตรเลีย
- เราคาด EBITDA ใน 3Q21 จะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับ 3Q20 และ +24%QoQ)
- เราคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 38% จาก 32% ใน 3Q20 และ 28% ใน 2Q21 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นในยุโรปจากการผ่อนคลายล็อคดาวน์ตั้งแต่ช่วงกลางพ.ค. 21
- ในขณะเดียวกันการเติบโตของยอดขายสาขาของธุรกิจอาหารจะกลับกลายเป็นติดลบใน 3Q21 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการบริหารจัดการร้านอาหารในไทย
แนวโน้ม 4Q21E
- เราคาดผลประกอบการใน 4Q21 ยังคงขาดทุนแต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนจากศักยภาพในการดำเนินการในยุโรปดีขึ้น และการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ในไทย
- อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลประกอบการจะลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low-season ในยุโรป
ยุโรปกลับมาแข็งแกร่งหลังจากการคลายล็อคดาวน์จากการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
Revenue Breakdown
รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากสองธุรกิจหลัก:
- ธุรกิจโรงแรมและบริการที่เกี่ยวข้องคิดเป็น 58% ของรายได้ทั้งหมด ประกอบด้วยโรงแรม 535 แห่ง มีห้องพักรวมกัน 75,968 ห้อง ภายใต้แบรนด์ระดับโลก เช่น Anantara, AVANI, TIVOLI, NH Hotel, NH Collection, nhow และ OAKS
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็น 36% ของรายได้ทั้งหมด ประกอบด้วยสาขาทั้งหมด 2,356 สาขาใน 26 ประเทศ ธุรกิจอาหารมีเครือร้านอาหารแบรนด์ระดับโลก ได้แก่ The Pizza Company, Swensen’s, Sizzler, Dairy Queen, Burger King, The Coffee Club, Thai Express, Jiang Bian Cheng Wai, Benihana และ Bonchon
- การจัดจำหน่ายและการผลิตคิดเป็น 6% ของรายได้ทั้งหมด ประกอบด้วยสาขาทั้งหมด 388 แห่งในประเทศไทยซึ่งดำเนินการภายใต้แบรนด์ Anello, Esprit, Bossini, Charles & Keith, Etam, OVS และ Radley