บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Tata Steel (Thailand) (TSTH)
กำไร 2Q64/65 เซอร์ไพร์สูงเด่นต่อ
Results Review
ผลประกอบการ 2Q64/65
TSTH ประกาศผลประกอบการ 2Q64/65 (ก.ค.-ก.ย. 2564) มีกำไรที่สูงเด่นต่อถึง 922 ล้านบาท (+9%QoQ, +593%YoY) ผลประกอบการได้แรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยของ TSTH ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อ 24,216 บาท/ตัน (+6%QoQ, +54% YoY) ในขณะที่ปริมาณขายเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก 326,000 ตัน (-6%QoQ, +5%YoY) รวมแล้วทำให้มูลค่ายอดขายใกล้เคียงไตรมาสก่อน 7,894 ล้านบาท (0%QoQ, +62%YoY) การที่ราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้น ในขณะที่ TSTH มีสต็อกประมาณ 1.5-2 เดือน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นเป็น 14.2% จาก 13.2% ในไตรมาสก่อน และ 5.7% ในปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการ
ราคาเหล็กเส้นขนาด 16 มม. ปัจจุบันเคลื่อนไหวระหว่าง 23,500-24,000 บาท/ตัน ใกล้เคียงไตรมาสก่อน ในขณะที่ต้นทุนเศษเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลของสถาบันเหล็กขึ้นมาประมาณ 16,000 บาท/ตัน เทียบกับราคาเฉลี่ยในไตรมาสก่อน 15,683 บาท/ตัน ซึ่งอาจจะกดดันผลประกอบการจากผลประกอบการ 2Q64/65 ที่สร้างเซอร์ไพร์สูงเด่น และราคาเหล็กเส้นที่ยังอยู่ในระดับสูง เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก คาดกำไรปีนี้จะสูงถึง 2,091 ล้านบาท เติบโต 229% แต่สถานการณ์ปีหน้าคาดราคาเหล็กจะไม่ปรับขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้กำไรลดลง 56% เหลือ 918 ล้านบาท
คําแนะนําการลงทุน
เราเปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า และอิงกับมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นได้เท่ากับ 1.50 บาท เพิ่มจากเดิม 1.32 บาท จากประมาณการที่ปรับเพิ่มขึ้นเทียบกับหุ้นกลุ่มเหล็กชั้นนําของโลก จะมีค่า Median P/BV เท่ากับ 0.82 เท่า ส่วน TSTH มี P/BV 1.2 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบัน 1.69 บาท พุ่งขึ้นจากต้นปีถึง 152%YTD และสูงกว่าราคาเป้าหมายเรา ดังนั้น เราคงแนะนำ ขาย โดยระยะสั้นคาดราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกจากกำไร 2Q64/65 ที่สร้างเซอร์ไพร์สูงเด่นต่อ
ความเสี่ยง: ราคาเหล็กผันผวน, อุตสาหกรรมเหล็กยังล้นตลาด, ความต้องการยังไม่แน่นอน