บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SRI TRANG GLOVES (THAILAND) กำไรกำลังปรับฐานสู่ระดับปกติ

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +21.9%

Close Oct 20, 2021 Price (THB) 32.00

12M Target (THB) 39.00

Previous Target (THB) 45.75

What’s new?

  • คาดกำไรปกติที่ 5,006 ลบ. (-32.0%QoQ, +14.5%YoY) ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้าที่ราว 7,300 ลบ. +/- เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าเป้า
  • 4Q64 มีโอกาสฟื้นเล็กน้อย QoQ จากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ASP ลดลงในอัตราชะลอลง ต้นทุนตู้คอนเทนเนอร์ลดลง และบาทอ่อนค่า
  • ปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 ลง 6% และ 24% ตามลำดับ

Our view

  • เราคงมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไรของ STGT
  • แม้ปรับประมาณการลงยังมี Upside gain 21.9% จากราคาเป้าหมายใหม่ของเรา โดยซื้อขายที่ PER65 เพียง 8.2 เท่า และให้เงินปันผลปี 2565 อีก 6.1%
  • เราประเมินว่าราคาปัจจุบันมี Downside risk จำกัด แต่การจะปรับตัวขึ้นต่อได้ต้องมีประเด็นการกลับมาเติบโตครั้งใหม่ คาดว่าจะเป็น 2H65 ปัจจุบันอยู่ในช่วงปรับฐานของกำไรสู่ระดับปกติ คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาว หรือคาดหวังเงินปันผล

คาดกําไร 3Q64 ลดลง QoQ เติบโต YoY

คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 5,006 ลบ. (-32.0%QoQ, +14.5%YoY) ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้าที่ราว 7,300 ลบ. เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าเป้าที่ 8,000 ล้านชิ้น คาดว่าอาจทำได้เพียง 7,000 ล้านชิ้น จากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และเริ่มมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น คาดรายได้ที่ 10,963 ลบ. (-15.5%QoQ, +34.7%YoY) โดยคาด ASP ที่ 1.57 บาท/ชิ้น (-31%QoQ) ขณะที่ GPM คาดลดลงมาที่ 55% จาก 67% ใน 2Q64 และ 60% ใน 3Q63 เนื่องจากต้นทุนยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้น ปริมาณขายยังไม่เต็มกำลังการผลิต ขณะที่เริ่มมีค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น ส่วน SG&A ทรงตัว แต่รายได้ที่ลดลงทำให้ SG&A/Sales เพิ่มขึ้นเป็น 4.0% จาก 3.6% ใน 2Q64 และ 2.9% ใน 3Q63

4Q64 คาดทรงตัวถึงฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ … ปรับประมาณการลง

คาดกำไรสุทธิใน 4Q64 เบื้องต้นที่ 5,000-5,500 ลบ. คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นราว 20%QoQ และ ASP ปรับตัวลงในอัตราที่ชะลอลงราว 20%Q-Q ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขนส่งคาดว่าจะลดลงตามค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่คลี่คลาย และค่าเงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มกำไร 3Q64 ที่อาจต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ เราจึงปรับประมาณการลงเพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยปรับสมมติฐาน ASP ปี 2564 ลง 5.5% เป็น 1.89 บาท/ชิ้น และปรับ ASP ปี 2565 ลง 16.5% เป็น 1.00 บาท (-47% YoY) ส่งผลให้ประมาณการกําไรสุทธิปี 2564–2565 ลดลง 5.8% และ 23.6% เป็น 28,112 ลบ. (+96.6%YoY) และ 11,170 ลบ. (-38.3%YoY) ตามลำดับ คาดว่ากำไรจะกลับสู่ระดับปกติที่ควรจะเป็นที่ราว 3,000 ลบ./ไตรมาสในปี 2565 เป็นต้นไป

กำไรกำลังพักฐานเข้าสู่ระดับปกติ … แต่ยังซื้อขายด้วย PER ที่ต่ำกว่าปกติ

เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลง 23.6% เป็น 11,170 ลบ. ซึ่งด้วย 1) อุปสงค์ในตลาดโลกที่คาดว่าจะสูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 แม้ว่าจะมีวัคซีนแล้วก็ตาม 2) กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ 3) ASP ที่คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ดุลภาพในปี 2565 ทำให้ปี 2565 เป็นปีที่กำไรเข้าสู่ระดับปกติ การเติบโตหรือหดตัวของปริมาณและราคาขายหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ที่แท้จริงของตลาดในภาวะปกติ ดังนั้นราคาหุ้นจึงควรขยับขึ้นไปซื้อขายด้วย PER ระดับปกติที่ 12-15 เท่า เป็นอย่างน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าค่อนข้างจําเป็น และเป็นสินค้าใช้ครั้งเดียว และ STGT สามารถผลิตถุงมือยางธรรมชาติได้ในต้นทุนที่ต่ำที่สุดในโลก ในเบื้องต้นเราปรับการประเมินมูลค่าจาก PER 9 เท่า เป็น 10 เท่า ได้ราคาเป้าหมายของ STGT ณ สิ้นปี 2565 ใหม่ที่ 39.00 บาท มี Upside gain 21.9% คาดเงินปันผล 3Q64-4Q64 ที่ 1.25 บาท/ไตรมาส ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 3.9%/ไตรมาส และคาดทั้งปี 2565 ที่ 1.95 บาท ให้ผลตอบแทน **% เรามองว่าการปรับฐานของกำไรมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกใน 1Q65 แต่ไม่ใช่สิ่งที่ตลาด Surprise แล้ว ราคาปัจจุบันซื้อขายด้วย PER2565 ต่ำเพียง 8.2 เท่า คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาวและคาดหวังเงินปันผล

- Advertisement -