บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SIAM WELLNESS GROUP PCL ระยะสั้นยังไม่เห็นกำไร … ระยะยาวลุ้นผลเปิดประเทศ

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +25.7%

Close Oct 25, 2021 Price (THB) 14.80

12M Target (THB) 18.60

Previous Target (THB) 18.60

What’s new?

  • คาด 3Q64 ขาดทุนปกติ 83 ลบ.ทรงตัวใกล้เคียงกับ 2Q64 แต่ลดลง YoY จากขาดทุน 55 ลบ.ใน 3Q63 จากผลกระทบการระบาดรอบใหม่ที่ลากยาว ทำให้มีมาตรการล็อคดาวนท์ใน 3Q64
  • คาด 4Q21 จะยังรายงานขาดทุน แต่แนวโน้มฟื้นตัวจากการคลายนโยบายควบคุม COVID-19 และเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวใน พ.ย. 64 โดยคาด 3Q64 เป็นจุดต่ำสุดของปี 2564

Our view

  • ปรับลดประมาณการปี 2564 เป็นขาดทุน 287 ลบ. แต่ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565-66 เป็นกำไร 79 ลบ.และ 225 ลบ.ตามลำดับ หนุนการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและการผ่อนคลายนโยบายจากทางภาครัฐคาดเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 4Q64
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 10.00 บาทต่อหุ้น อิงกำไรปกติปี 2566 ที่ 225 ล้านบาท และ PER 47x (ค่าเฉลี่ยในช่วงปกติ) และ Discount เป็นค่าปัจจุบันด้วย Ke ที่ 11.9%

คาดผลประกอบการ 3Q64 อ่อนแอ กดดันจากสถานการณ์ในประเทศ

เราคาดผลประกอบการปกติของ SPA ใน 3Q64 ขาดทุนปกติที่ 83 ล้านบาท ใกล้เคียงกับผลขาดทุนปกติใน 2Q64 ที่ 81 ล้านบาท แต่ลดลง YoY เทียบกับขาดทุนปกติ 55 ล้านบาทใน 3Q63 จากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทั้งไตรมาส สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1) คาดรายได้หลักจากบริการสปาที่ 21 ล้านบาท (+35% QoQ, -65% YoY) ยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดรอบใหม่ในประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐประกาศมาตรการล็อคดาวนท์ลากยาวตั้งแต่ใน 2Q64 ทำให้ SPA ต้องปิดสาขาหลักเกือบทั้งหมด รวมถึงยังไม่สามารถเปิดรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักได้ทัน 3Q64

2) คาดรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 5 ล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY แม้ trend ของลูกค้าที่เริ่ม Shopping online มากขึ้นในช่วงการระบาด COVID-19 แต่ลูกค้ายังชอบที่จะทดลองใช้หรือทดลองดมกลิ่นจริงที่ร้าน ทำให้ยังไม่เห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

3) ค่าใช้จ่าย SG&A ใน 3Q64 ที่ 29 ล้านบาท คาดใกล้เคียงกับระดับใน 3Q63 ที่ 30 ล้านบาท แต่สูงขึ้นเล็กน้อย QoQ จาก 27 ล้านบาทใน 2Q64 เนื่องจากสาขาที่เริ่มกลับมาเปิดได้ในบางพื้นที่ในช่วง 3Q64

ปรับลดประมาณการปี 2564 … แต่ปี 2565-66 มีลุ้นการฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศ

หากคาดการณ์ 3Q64 ออกมาตามคาด ผลประกอบการ 9M64 จะขาดทุนรวม 240 ล้านบาทเทียบกับประมาณการทั้งปีเดิมของเราที่ 180 ล้านบาท ทำให้เราปรับลดประมาณการปี 2564 ลงเป็นขาดทุน 287 ล้านบาท (จากเดิมที่ขาดทุน 180 ล้านบาท) เนื่องจากผลกระทบของการระบาดรอบใหม่ในปี 2564 ส่งผลให้ SPA ประกาศปิดสาขาชั่วคราวราวเกือบสองไตรมาส คาด SSSG ในปี 2564 -32% YoY เทียบกับประมาณการเดิมที่ -28% YoY แต่ปรับที่เพิ่มประมานการปี 2565 เป็นกำไร 79 ล้านบาท (จากเดิมที่กำไร 76 ล้านบาท) และปี 2566 เป็นกำไร 225 ล้านบาท (จากเดิมที่กำไร 205 ล้านบาท) ถึงสมมติฐานการปรับ SSSG ปี 2565-66 เป็น 52% YoY และ 46% YoY ตามลำดับ แม้แนวโน้มการเปิดประเทศคาดชะลอไปในช่วง 4Q64-1Q65 จากเดิมคาดเห็นได้ทันใน 3Q64  แต่เรายังให้น้ำหนักกับการกระจายวัคซีนที่ทำได้เร็วขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ อย่างกรุงเทพฯและภูเก็ต เป็นต้น หากทำได้ต่อเนื่อง อาจเห็นตัวเลขการกลับมาของนักท่องเที่ยวของทั้งในและต่างประเทศชัดเจนขึ้น ประกอบกับผลบวกจากภาครัฐผ่อนคลายนโยบายต่อเนื่อง และเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 1 พ.ย. 54 เป็นต้นไป ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นฐานลูกค้าหลักของ SPA (ราว 75% ของรายได้) หนุนรายได้กลับมาฟื้นตัวในปี 2565 และเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 ทำให้ SPA ยังเป็นตัวเลือกที่เด่นสำหรับ Theme การเปิดประเทศ

Cash flow and Balance Sheet Management

สำหรับประเด็นการตั้งสำรอง SPA ได้มีการตั้งสำรองไปแล้วใน 2Q64 สำหรับสาขาที่กัมพูชาและพม่าที่โดนผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งเป็นยอดที่น้อย เนื่องจากเป็นระบบแบบ Franchise ในระยะถัดไป เราคาดหากมีการตั้งสำรองเพิ่มเติมจะไม่มีนัยยะสำคัญต่องบดุล นอกจากนี้ ปัจจุบัน SPA มีเงินสดบนมือราว 60 ล้านบาท มี Cash bum เฉลี่ยใน 9M64 ที่ราว 10 ล้านบาท/เดือน และเหลือวงเงินในการเพิ่มอยู่อีกราว 30-40 ล้านบาท คาด SPA จะยังมีความแข็งแกร่งทางการเงินได้อีกพอสมควร โดยในเดือน ต.ค. 64 SPA กลับมาเปิดให้บริการแล้วราว 70% และให้บริการได้แบบ Full service margin สูงกว่าเปิดแบบนวดเท้าอย่างเดียว ทำให้บริษัทฯ จะเริ่มมีรายได้และมี Cash Bum ที่ลดลง เราคาด SPA ยังสามารถบริหารงบดุลและประคองธุรกิจไปได้ และยังไม่จำเป็นต้องใช้การเพิ่มทุนในระยะสั้น ยกเว้น สถานการณ์ลากยาวกว่าที่คาดมาก

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 10.00 บาท

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 10.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรปกติปี 2566 ที่ 225 ล้านบาท และ PER 48x (ค่าเฉลี่ยในช่วงปกติ) และ Discount เป็นค่าปัจจุบันด้วย Ke ที่ 11.9% แนะนำทยอยสะสมจากผลประกอบการอ่อนตัวใน 3Q64 เพื่อลุ้นฟื้นตัวแรงในปี 2565-66 ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) จำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติอาจต่ำกว่าคาดการณ์ และ 2) เกิดการกลายพันธุ์ของโรคจนควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ยาก

- Advertisement -