ตลาดหุ้นวานนี้: 

SET Index พักตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคโดยปิดลบ 8.36 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอ และรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกบางๆ 253 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิหนาแน่น 2.4 พันลบ. (แต่ Short Index Futures กว่า 1.6 หมื่นสัญญา) 

แนวโน้มตลาดวันนี้: 

เราคาด SET Index มีโอกาสแกว่ง Sideways to Sideways Down พักตัวลงในกรอบ 1,620-1,635 จุด โดยรวมตลาดยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ และยังมีแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอในระยะถัดไป ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรจาก Bond Yield ที่ปรับลงทั้งระยะสั้นและระยะยาว ขณะที่ปัจจัยสำคัญในระยะนี้คือการประชุมธนาคารกลางทั้ง BoJ และ ECB วันนี้ ว่าจะให้มุมมองเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร ขณะที่ FED สัปดาห์หน้าคาดว่าจะประกาศเริ่มลด QE ตามแผน ส่วนในประเทศโฟกัสตลาดอยู่ที่การประกาศผลประกอบการ 3Q21 และการเริ่มเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ กลยุทธ์ยังเน้นถือลงทุนในหุ้นกลุ่ม Value เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงเงินเฟ้อ และกลุ่ม Reopening Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ และ Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร พลังงาน โรงกลั่น อสังหาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ 

กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play 

หุ้นเด่นเดือน ต.ค.: CFRESH, CK, KBANK, KCE, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: TACC 

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท
  • คาดกำไร 3Q21 ยังแข็งแรง -8% Q-Q, +6% Y-Y แม้จะถูกกระทบทางอ้อมจาก COVID-19 และ Lockdown แต่สินค้าของ TACC ถูกกระทบน้อยกว่าคนอื่น และยังบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเยี่ยม
  • แนวโน้ม 4Q21 จะเร่งตัวขึ้นทั้งธุรกิจเครื่องดื่ม และ Character หลังลูกค้าเริ่มกลับมาทำโปรโมชั่นการตลาดอีกครั้ง ส่วนระยะยาวยังได้แรงหนุนจากการเติบโตไปในกัมพูชาและลาวตาม 7-11 รวมถึงการขยายฐานลูกค้า Non-7-11
  • แนวรับ 7.80-7.90 บาท แนวต้าน 8.30 // 8.50 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคบางๆ US$ 131 ล้าน แต่ค่อนข้างผสมผสาน โดยไหลเข้าไต้หวัน US$ 189 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้หนาแน่น US$ 312 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศ ยกเว้นไทยที่ไหลออก US$ 73 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังไหลออกจากความกังวลเศรษฐกิจจะโตชะลอในระยะถัดไป ขณะที่เงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยงโดย Yield Curve แบนราบมากขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) SCC กำไรสุทธิ 3Q21 -60% Q-Q, -30% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด 30% จากธุรกิจปิโตรฯ และ Packaging ที่อ่อนแอ ส่วนวัสดุก่อสร้างถูกกระทบจาก Lockdown แนวโน้ม 4Q21 คาดทยอยฟื้นตัว แต่ปัจจัยกดดันในระยะถัดไปคือต้นทุนพลังงานที่ปรับขึ้น ราคาเป้าหมายปัจจุบันยังอยู่ที่ 520 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) CHG คาดกำไร 3Q21 ทำ New High +101% Q-Q, +311% Y-Y ทำ New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งขึ้น ส่วนระยะยาวยังมองบวกต่อการขยายธุรกิจ ทั้งสาขาใหม่ที่แม่สอด และโรงพยาบาลมะเร็ง หลังจากปิดโรงพยาบาลสนามที่ร่วมมือกับ CP Group และ WHA เราประเมินกำไรปี 2022 จะเติบโตโดดเด่นกว่าช่วงก่อนมี COVID-19 เกือบ 1 เท่าตัว ยังคงราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) EKH คาดกำไร 3Q21 โตอย่างก้าวกระโดด +81% Q-Q, +653% Y-Y ทำ New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งขึ้นแนวโน้ม 4Q21 คาดอ่อนตัวลงตามสถานการณ์ระบาดที่ดีขึ้น เราปรับเพิ่มกำไรปี 2021 เป็น +289% Y-Y ส่วนปี 2022 คาด -40% Y-Y แต่ยังสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ไม่นับปี 2021 ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2022 ขึ้นเป็น 9.40 บาท และได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองสำหรับธุรกิจ IVF และยังไม่รวม Upside จากการลงทุนในอนาคต แนะนำ “ซื้อ”

(+) GLOCON เรามองบวกต่อการเข้าซื้อธุรกิจลูกชิ้นทิพย์ ซึ่งมีรายได้และกำไรที่ดี แต่ในปี 2020-21 ถูกกระทบจาก COVID เล็กน้อย คาดกลับมาฟื้นปี 2022 โดยกำไรส่วนเพิ่มจะช่วยหักล้าง Dilution จากการเพิ่มทุน RO 5: 1 ได้หมด และคาด EPS เพิ่มขึ้นชัดเจนในปี 2023 ระยะสั้นคาด 3Q21 อาจพลิกขาดทุนเพราะปัญหาแรงงานติดเชื้อ COVID-19 แต่จะกลับมาฟื้นใน 4Q21 และยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่ทั้ง Plant Based Food และ EZYGO เราปรับลดกำไรปี 2021 ลง แต่ยังมีกำไรเล็กน้อยส่วนปี 2022 ปรับขึ้นเป็น +803% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 1.5 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) DPAINT เข้าเทรดวันนี้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีทาอาคารครอบคลุมหลายระดับราคาและการใช้งาน รวมถึงช่องทางจัดจำหน่ายทั้ง Modern Trade ร้านค้าปลีก และงานโครงการแบรนด์เป็นที่ยอมรับกว่า 43 ปี และมีการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างมูลค่า เพิ่มภาพรวมได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคก่อสร้าง เราประเมินกำไร 3 ปีข้างหน้า +29% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 9.80 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจําหน่ายฯ )

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 266.19 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 35,490.69 จุด จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงกลุ่มธนาคาร ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ กดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่จากความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัฐบาลจีนเพื่อแก้ปัญหาราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงจะกระทบราคาถ่านหินและราคาโลหะ

(-) ตลาดเอเชียปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเช้านี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.31 บาท / ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 100,000 บาร์เรล ขณะที่ติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ. ย. นี้ โดยที่ประชุมจะกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือน ธ.ค.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์หรือ 0.3% ปิดที่ 1,798.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 983.01 / +3.20

- Advertisement -