บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Eastern Polymer Group กำไรชะลอลงจากมาร์จิ้นที่ถูกกดดัน รอฟื้นตัวใน 3Q64 

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 31.50%

Close Oct 27, 2021 Price (THB) 10.80

12M Target (THB) 14.20

Previous Target (THB) –

What’s new?

คาด EPG จะมีกำไรปกติ 2Q64 จำนวน 385 ลบ. โตเด่น 70.8% YoY แต่ปรับลง 10.6% QoQ หลังยอดขายทําได้เพียงทรงตัว QoQ จากผลกระทบของการ Lockdown ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในไทยและอาเซียน กดดันยอดขายฉนวนยางและอะไหล่ยานยนต์ ส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกแม้ยอดขายดี แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลงแรง เพราะจัดโปรโมชั่นและเร่งระบายสต็อกเก่า

Our view

ราคาหุ้นที่ผ่านมาตอบรับความกังวลต่อผลดำเนินงานที่ถูกกระทบ จากทั้งยอดขายยานยนต์ที่ชะลอตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นไปพอสมควร จนราคาหุ้นปัจจุบันกลับมามี Upside 31.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2564 ที่ 14.20 บาท (อิง PER ที่ 26.9x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี + 1.5 S.D. ) ขณะที่คาดจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรใน 3Q64 เราจึงคงคำ แนะนำ “ซื้อ”

คาดกำไร 2Q64 ปรับลง หลังมาร์จิ้นถูกกดดัน และยอดขายทำได้เพียงทรงตัว

เราคาด EPG จะรายงานกำไรปกติใน 2Q64 (สิ้นงวดเดือน ก.ย.) อยู่ที่ 385 ลบ. โตเด่น 70.8% YoY จากฐานที่ต่ำใน 2Q63 ซึ่งถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายประเทศ รวมถึงมีความยากลำบากในการขนส่งสินค้า แต่เทียบ 1Q64 คาดกำไรปกติปรับลง 10.6% QoQ โดยคาด 1) รายได้จากการขายทำได้เพียงทรงตัวจาก 1Q64 แม้ยอดส่งออกฉนวนยางในสหรัฐฯและยุโรปยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Segment ใหม่ที่เริ่มทำตลาดช่วงปลายปีก่อน แต่ไม่พอที่จะชดเชยยอดขายในประเทศและในกลุ่มอาเซียนที่ปรับตัวลงมากจากผลของการเข้าสู่ภาวะ Lockdown ครั้งใหม่ ส่วนยอดส่งออกอะไหล่ยานยนต์ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังความต้องการ Canopy และ Side Step ของรถกระบะ รถ SUV และรถ 4WD ในออสเตรเลียยังเติบโตได้ แต่ยอดขายบางส่วนถูกกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิพในอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่ยอดขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกในประเทศขยายตัวขึ้นจากการเร่งระบายสต๊อกเก่าในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. และอัดโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์กลุ่ม Food มากขึ้น และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับลงจาก 32.8% ใน 1Q64 เหลือ 31.3% จากผลของราคาวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้น และการอัดฉีดโปรโมชั่น และระบายสต๊อกเก่าของบรรจุภัณฑ์พลาสติก และอัตราการใช้กำลังการผลิตของฉนวนยางที่ต่ำลง ทำให้ Economies of scale แย่ลง อย่างไรก็ดี ผลลบดังกล่าวบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมปรับขึ้น 31.1% QoQ หลังบริษัทร่วม AAI (ดำเนินธุรกิจฉนวนยางในอินเดีย) คาดพลิกมีกำไรจากที่ขาดทุนใน 1Q64 สอดคล้องกับสถานการณ์ COVID-19 ในอินเดียที่มีพัฒนาการมากขึ้น และผลดำเนินงานของบริษัท JV อื่นๆ ที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

คาดเห็นการฟื้นตัวของผลดำเนินงานตั้งแต่ 3Q64 หลังยอดขายเริ่มฟื้นตัว

ผลดำเนินงานที่คาดอ่อนตัวลง QoQ ใน 2Q64 ส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบจากเศรษฐกิจในหลายประเทศที่อ่อนแอลงในช่วง Lockdown แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่น้อยลงในหลายประเทศ ทำให้เราคาดยอดขายของทั้ง 3 ธุรกิจหลักของ EPG จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q64 เป็นต้นไป หนุนจากทั้งการขยายตลาดใหม่ของฉนวนยางกันความร้อนในสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นได้ดี และการฟื้นตัวของยอดขายในฝั่งอาเซียน รวมถึงยอดขายอะไหล่ยานยนต์ของ ARK และ TJM ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจาก ความต้องการสินค้าในตลาดอะไหล่ทดแทน (REM) ที่ยังมีอยู่มากในออสเตรเลียและยุโรป สอดคล้องกับการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายบรรจุภัณฑ์จะเริ่มปรับตัวขึ้นตามการบริโภคในประเทศที่เริ่มคึกคักในช่วงปลายปี นอกจากนี้ คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะทยอยปรับตัวขึ้นหลัง บริษัทเตรียมปรับราคาขายของหลายผลิตภัณฑ์ เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น และการใช้กำลังการผลิตของทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เร่งตัวขึ้น เราจึงคาด EPG จะมีกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1,475 ลบ. โต 32.6% YoY ตามประมารการเดิม

ราคาปรับลงมาพอสมควร รอกำไรฟื้นตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ราคาหุ้นที่ผ่านมาตอบรับความกังวลต่อผลดำเนินงานที่ถูกกระทบ จากทั้งยอดขายยานยนต์ที่ชะลอตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นไปพอสมควร จนราคาหุ้นปัจจุบันกลับมามี Upside 31.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2564 ที่ 14.20 บาท (อิง PER ที่ 26.9x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี + 1.5 S.D. ) ขณะที่คาดจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรใน 3Q64 เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -