สรุปภาวะตลาด

วันพฤหัสทผ่ี ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวไซด์เวย์ +,- ประมาณ 5 จุด มีแรงซ้ือเข้ามาในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล อย่างBDMS, BH ปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศคาดทาให้มีผู้ป่วยต่างชาติเดินทางมาเข้ามาใช้ บริการมากขึ้น ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดนแรงขาย หลังจากราคาน้ามันดิบปรับตัวลง รวมถึงหุ้นใน กลุ่ม Commodity ท่ีราคาปรับตัวลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้น DPAINT ที่เปิดพุ่งชน ceilingส่วนตอนปิดตลาดเหลือ+72.0%ส่งผลให้ดัชนีSET Index ปิดตลาดท่ี1,624.31จุด-3.30จุด -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 74,096 ลบ. ต่างชาติ +635.60 ลบ. TFEX +7,323 สัญญา ตราสารหน้ี -269.20 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 239.79 จุด +0.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัท เมอร์ค แอนด์ โค และฟอร์ดมอเตอร์ โดยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเหล่านี้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลข GDP 3Q64 ของสหรัฐที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ +0.2% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล นลท. ช้อนซื้อหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 2% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นลท. จับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ. ย. นี้

+ รัฐบาลออสเตรเลียประกาศลดระดับคำแนะนำการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 สำหรับหลายประเทศ เช่น สหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา เพื่อเตรียมพร้อมเปิดพรมแดนในสัปดาห์หน้าเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 18 เดือน

+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 รายสู่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี. ค. 2563 ซึ่ง เป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในสหรัฐ

+ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

ปัจจัยลบ

– BOJ ระบุว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัว 3.4% ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.8% ส่วนราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมอาหารสดที่มีความผันผวนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.0% ต่ำกว่าที่คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 0.6%

– บริษัท ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำหลายรายประกาศเตือนว่าปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน อาจส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตได้

– รัสเซียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 เนื่องจากโรงพยาบาลต่างๆ ต้องรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรายวันของรัสเซียพุ่งสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่

– สศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 จากเดิม +1.3% เหลือ +1% ต่อปี (0.5-1.5%) เนื่องจากเกิดการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิดที่รุนแรงมากขึ้นในช่วง 3Q64 ทำให้คาดว่า GDP 3Q64 จะติดลบ 3.5% และกลับมาบวก 3% ใน 4Q64 หลังเปิดประเทศ 1 พ.ย.

+/- สบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,968 ราย มีผู้เสียชีวิต 64 ราย รักษาหาย 8,747 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด และยังมีแรงขายจากนักลงทุน สถาบันต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา มองกรอบดัชนีในวันน้ีที่ 1617-1,632 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเป็นบวกต่อ : TOP SPRC ESSO PTTGC
  • หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเท่ียว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
  • หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH LPN
  • ยอดส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต TU NER TWPC SKN HTECH

หุ้นรายงานพิเศษ

PTTEP-กำไรเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ (Bloomberg Consensus 140)

  • รายงานกำไร 9.54 พันลบ. เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ +33% YoY และ +34% QoQ แม้ว่าปริมาณการผลิตในไตรมาส 3 จะอ่อนตัวลงจาก 2Q64 ราว 6% เนื่องจากปตท. มีการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯ ทำให้รับซื้อก๊าซฯ ลดลง อย่างไรก็ตาม ได้รับการชดเชยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหนุนให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 44.25$/bbl เพิ่มขึ้น 5% ด้านต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ 29.4$/bbl เนื่องจากค่าตัดจำหน่ายหลุมเพิ่มขึ้นราว 1 พันลบ. อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินลดลงจาก 4 พันลบ. สู่ 1.4 พันลบ. ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64
  • ความเห็นเรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 4Q64 เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับตัวขึ้นหลังปตท. ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯ ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยจะปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง และต้นทุนการผลิตจะทรงตัวที่ระดับ 28-29 $/bbl เราจึงแนะนำ ซื้อ

หุ้นมีข่าว

บมจ. ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ – TFM (ราคา IPO 13.5 บาท)
* ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บก
* เสนอขายหุ้น จำนวนไม่เกิน 109,300,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 21.9 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ราคา Par ที่ 2 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 1,475.55 ลบ. โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังนี้ 1.ขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย 2. ชำระคืนเงินกู้ยืม 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
* P/E เสนอขายที่ 21.7x เทียบกับธุรกิจที่คล้ายกัน ได้แก่ ASIAN 15.6x, LEE 14.5x, บริษัทในตปท. ได้แก่ Charoen Pokphand Indonesia Tbk 21.5x, Avanti Feeds Limited 22.2x

(+) KWM (Bloomberg Consensus – บาท) แย้มอยู่ระหว่างเจรจาผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในประเทศสกัดพืชสมุนไพร พร้อมผนึกพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน “เคดับบลิวเอชบี” ลุยธุรกิจสกัด-ผลิต- จำหน่าย สินค้าจากพืชสมุนไพรไทย ทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท สร้างโรงสกัด คาดเดินเครื่องผลิตในกุมภาพันธ์ปี 65 หวังรับทรัพย์ปีแรก 50 ล้านบาท (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) BGRIM-UV ปิดดีลเทก 3 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 360 เมกะวัตต์ จาก EP ดันพอร์ตแตะ 3 พันเมกะวัตต์ “ฮาราลด์ ลิงค์” พร้อมพัฒนา ดันยิลด์เพิ่ม เดินหน้าเทกต่อเนื่องเป้าหมื่นเมกในปี 2573 โบรกมองบวกเล็งปรับประมาณการเพิ่ม จาก 55 บาท จับตาถึงเวลาสปอตไลต์ฉายโรงไฟฟ้า หลัง BGRIM กลับมาเดินหน้าเทกอีก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RATCH (Bloomberg Consensus 50.50 บาท) ควัก 3.4 พันล้านบาท ถือหุ้น SCG สัดส่วน 51% เตรียมทำเทนเดอร์ 5.75 บาทต่อหุ้น หวังสร้างพันธมิตรผนึกกลุ่มสหพัฒน์เสริมแข็งแกร่งธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตในอนาคตเป็นไปตามเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทที่ 10,000 เมกะวัตต์ และมูลค่ากิจการรวม 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 (ท่ีมา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

29 ต.ค.ประชุมศบค. ชุดใหญ่หารือปรับโซนพื้นที่-คืบหน้าเปิดประเทศ-คาดการณ์การระบาดในปี 65

สัปดาห์ที่ 5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง เศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

29 ต.ค.ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

1 พ.ย. เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส

1 ธ.ค.เปิดผับบาร์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

29 ต.ค.อียูรายงาน GDP ไตรมาส 3

สหรัฐเปิดเผยรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ย. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลเดือน ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

31 ต.ค.จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนต.ค. จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน

1 พ.ย.จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.จากไฉซิน

สหรัฐรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ก.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนค่ะต.ค.

4 พ.ย.ประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส

- Advertisement -