ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยปิดลบเล็กน้อย 3.30 จุด โดยกลุ่มที่ปรับตัวแข็งแรงกว่าตลาดคือการแพทย์และโรงไฟฟ้า สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 457 ลบ. ขณะที่นักลงุทนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 635 ลบ. (และ Long Index Futures กว่า 7.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,620-1,630 จุด เนื่องจากยังคงไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น และตลาดยังให้น้ำหนักกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอในระยะถัดไป ขณะที่ตัวเลข GDP 3Q21 ของสหรัฐฯ +2 Q-Q ต่ำกว่าที่ตลาดคาด จากผลกระทบของ Supply Shortage และ Delta Variant ขณะที่การประชุม FED สัปดาห์หน้าคาดประกาศเริ่มลด QE ตามแผน ขณะที่ปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังอยู่ที่การประกาศผลประกอบการ 3Q21 และการเริ่มเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ กลยุทธ์ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเฉพาะที่มีประเด็นบวกเฉพาะ ส่วนระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือลงทุนในหุ้นกลุ่ม Value เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงเงินเฟ้อ และกลุ่ม Reopening Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ และ Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคารพลังงาน/โรงกลั่น อสังหาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ

กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน ต.ค.: CFRESH, CK, KBANK, KCE, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: EKH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท
  • คาดกำไร 3Q21 โตอย่างก้าวกระโดด +81% Q-Q, +653% Y-Y ทำ New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งขึ้น แนวโน้ม 4Q21 คาดอ่อนตัวลงตามสถานการณ์ระบาดที่ดีขึ้น
  • ล่าสุดเราปรับเพิ่มกำไรปี 2021 เป็น +289% Y-Y ส่วนปี 2022 คาด -40% Y-Y แต่ยังสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัท ไม่นับปี 2021 และได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองสำหรับธุรกิจ IVF และยังไม่รวม Upside จากการลงทุนในอนาคต
  • แนวรับ 8 บาท แนวต้าน 8.40-8.60 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินยังคงไหลออกจากภูมิภาคและเร่งตัวขึ้นเป็น US$ 570 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$ 296 ล้าน และ US$ 269 ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานไหลเข้าไทยและเวียดนาม แต่ไหลออกจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในประมาณใกล้เคียงกัน ประเทศละ US$ 13-36 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดค่อนไปในทิศทางไหลเข้าหลัง Dollar Index อ่อนค่า หลัง GDP 3Q21 ฟื้นตัวน้อยกว่าคาด แต่โดยรวมคาดปริมาณยังเบาบาง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ก.คลังคาด GDP 3Q21 -3.5% Y-Y ก่อนฟื้นตัว 4Q21 +3% Y-Y ขณะที่ทั้งปี 2021 ปรับลงเป็น +1% Y-Y ก่อนเร่งตัวปี 2022 +4% Y-Y หนุนจากการคลาย Lockdown และเปิดประเทศ 1 พ.ย. ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมา 7 ล้านคน โดยรวมยังสอดคล้องกับที่เราประเมินยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Reopening Play โดยกลุ่มที่คาดฟื้นตัวก่อน คือ ค้าปลีก ร้านอาหาร รถไฟฟ้า ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวคาดฟื้นตัวเป็นลำดับถัดไป

(+) กลุ่มยานยนต์ผลประกอบการ 3Q21 ไม่สดใสจาก Chip shortage และ COVID-10 ทำให้ค่ายรถหลายแห่งต้องหยุดการผลิตชั่วคราว โดยเฉพาะเดือน ส.ค. ที่การผลิตรถยนต์ของไทย -39% Y-Y การผลิตรถมอเตอร์ไซค์ -42% Y-Y ก่อนจะเริ่มดีขึ้นในเดือน ก.ย. นอกจากนี้ต้นทุนเหล็กและค่าขนส่งก็ปรับตัวสูงขึ้น เราคาดกำไรปกติของ AH, SAT, IRC ใน 3Q21 29% Q-Q, -6% Y-Y โดยคาด AH กําไรหดตัวแรงสุด -35% Q-Q, -46% Y-Y ส่วน IRC -18% Q-Q, -42% Y- และ SAT -13% Q-Q, +150% Y-Y (ยอดขายรถคูโบต้ายังแข็งแกร่ง) การฟื้นตัวจะค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้นทุนที่สูงยังอยู่ใน 4Q21 ราคาหุ้นสะท้อนแล้ว เราชอบ SAT (ราคาเป้าหมาย 29 บาท) และ IRC (ราคาเป้าหมาย 22 บาท) (Source: FSSIA, Finansia)

(+) WINMED คาดกำไร 3Q21 +313% QQ, -3% Y-Y ยังฟื้นไม่เต็มที่จากการ Lockdown ทำให้รายได้ผลิตภัณฑ์หลักที่เกี่ยวข้องกับโลหิตถูกเลื่อนออกไป แต่คาดฟื้นตัว 4Q21 อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรปี 2021 อาจมี Downside 5-8% แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2022-2023 การฟื้นตัวแรงในปี 2022 จะมาจากธุรกิจเดิมและ S-Curve ใหม่ ได้แก่ ห้องแล็บตรวจ COVID-19 ในช่วงต้น 4Q21 แล็บตรวจเชื้อ HPV และ STD คาดเริ่ม Soft launch ปลาย 4Q21 และแล็บผลิตยา (Immunotherapy) คาดให้บริการใน 3Q22 และการขยายตลาดสู่ B2C คงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 7.80 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) TFM เข้าเทรดวันนี้เป็นผู้นำอาหารสัตว์น้ำในไทยมี TU เป็นบริษัทแม่ ทำให้มีความพร้อมในทุกด้านสามารถสร้างความได้เปรียบด้วยคุณภาพและความแตกต่างของสินค้า มีส่วนแบ่งการตลาด 24% ในอาหารปลากะพงและ 17% ในอาหารกุ้ง แม้ปี 2021 จะสะดุดจากปัญหา COVID-19 และราคาวัตถุดิบแพงขึ้น แต่คาดกำไรจะกลับมาโตเด่นในปี 2022 จากความต้องการใช้อาหารสัตว์ที่เริ่มฟื้นตัว ราคาวัตถุดิบตลาดโลกเริ่มปรับลง และขยายธุรกิจไปในอินโดนีเซียและปากีสถาน ซึ่งยังมีการใช้อาหารเม็ดกันน้อย เราคาดกำไรปี 2022 2023 กลับมาโตสูง +93% Y-Y และ +29% Y-Y ประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 17 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจําหน่ายฯ )

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 239.79 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 35,730.48 จุด จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน อาทิ Merck & Co. , Ford Motor ที่กำไรออกมาสูงกว่าคาด ชดเชยประเด็นกดดันจากการเปิดเผยตัวเลข GDP 3Q21 ของสหรัฐขยายตัวเพียง 2.0% ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 2.7% และเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย หนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มอาหารและกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด และคงซื้อพันธบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน

(-) ตลาดเอเชียปรับลงโดยตลาดหุ้นโตเกียวถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นในวันอาทิตย์นี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 15 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟื้นตัวหลังปรับลงในวันก่อนหน้า ขณะที่ติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย. เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสําหรับเดือน ธ.ค.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.8 ดอลลาร์หรือ 0.21% ปิดที่ 1,802.6 ดอลลาร์/ออนซ์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP 3Q21 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 982.14 / -0.87

- Advertisement -