ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

รีบาวด์ได้บ้าง แต่ทางขึ้นยังคงจำกัดต่อไป

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์และวันทำการสุดท้ายของ ต.ค. ปรับขึ้นได้บ้าง แต่ยังไปไม่ไกล … หลังจากเมื่อวานนี้ดัชนีฯ เทรดไซด์เวย์ตลอดทั้งวัน (ตามคาด) สำหรับวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น ได้แก่ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯแรลลี่ต่อเมื่อคืนนี้ตอบรับกำไรไตรมาส 3/64 ของบริษัทที่เป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น Ford, Caterpillar ออกมาสูงกว่าที่ consensus คาด ส่งผลให้นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับ GDP ไตรมาส 3/64 ของสหรัฐฯที่โตเพียง 2.0% QoQ เทียบรายปีต่ำกว่า consensus คาดที่ 2.7% ii) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 2.81 แสนราย ดีกว่าที่คาดและเป็นจุดต่ำสุดใหม่หลังวิกฤต COVID-19 และ iii) ผลประชุม ธ.กลางยุโรป (ECB) ไม่ได้มีการส่งสัญญาณลด QE หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ ในขณะนี้มีเพียงการแถลงว่าจะซื้อพันธบัตรน้อยลงกว่าเดิมบ้างตามเศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น …. ด้านปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่น่าสนใจนั้น เมื่อคืนนี้ทำเนียบขาวแถลงแผนลงทุนระยะยาว 10 ปีฉบับใหม่ ลดวงเงินใช้จ่ายลงครึ่งหนึ่งจากเดิม 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯ เหลือ 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ฯ แต่ยังคงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตด้วยกันเองมากนัก (เป็นเกมยาวที่ต้องติดตามต่อไป) … ด้านปัจจัยภายในประเทศที่ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐเมื่อวานนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร และตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ แต่อย่างใด … สำหรับในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะออกมาในคืนวันที่ 3 พ.ย. ตามเวลาบ้านเรา

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร PTG*, BTS*, GPSC*

  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 16.1 – 16.5 บาท หาก Rebound ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 17.2 บาท (Stop loss 15.3 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นปรับลงจน Forward PE ปีหน้าลดลงเหลือเพียง 11.8 เท่า สะท้อนประเด็นลบไปพอสมควรแล้ว มีโอกาส Rebound โดย i) ผลการดำเนินงาน 3Q64 คาดชะลอตัวลง แต่คาดปริมาณขายน้ำมันจะฟื้นตัวใน 4Q64 หลังปลดมาตรการล็อกดาวน์เปิดประเทศ และ ii) ค่าการตลาดน้ำมันที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงจนภาครัฐฯ เข้ามาคุมราคาดีเซล อย่างไรก็ดี คาด Upside ของราคาน้ำมันในตลาดโลกมีอีกไม่มากมีโอกาสพักฐาน 3) ประเมินการที่ภาครัฐฯ ยังคงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลปี 7 และปี 10 ตามเดิม เป็นบวกต่อธุรกิจไบโอดีเซล ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 4) คาดเตรียมยื่นไฟลิ่งบ. ลูกเข้า IPO ภายใน 4Q64 ลุ้น Pre-emptive right จองหุ้น IPO
  • BTS* (เป้าพื้นฐาน 12.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.35 บาท / แนวต้าน 9.6 – 9.8 บาท (Stop loss 9.35 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการเปิดตัวธุรกิจสินเชื่อผ่านระบบดิจิตอล “แรบบิทแคช” (JV ระหว่าง BTS* AEONTS* และ HUMAN) โดยจะเริ่มการเปิดบริการ 1Q65 โดยตั้งเป้าสินเชื่อแตะ 1.5 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี และเตรียม IPO ภายในปี 2569 3) แนวโน้มผลการดำเนินงานหลักพ้นจุดต่ำสุด โดยการทยอยลด WFH และโรงเรียนเริ่มทยอยกลับมาเปิดเรียนตามปกติ จะส่งผลบวกต่อจํานวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของกลุ่ม BGSR (JV ระหว่าง BTS* STEC* GULF* RATCH*) คาดจะเริ่มฟื้นตัวจากแรงงานที่เริ่มทยอยปลดล็อกให้กลับมาทำงาน และการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ปีหน้า
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 95 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 77.5 บาท / แนวต้าน 80 – 82 บาท (Stop loss 76 บาท) 2) ประเมินธุรกิจแบตเตอรี่และ Energy storage ของ GPSC รับ Sentiment บวกจากนโยบายการสนับสนุนทางภาษีของภาครัฐฯ ทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการจูงใจผู้ซื้อรถ คาดจะประกาศภายในปลายปีนี้ 3) ประเมิน Earnings momentum ยังดีต่อเนื่อง หลังการเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนที่อินเดีย (เริ่มรับรู้รายได้ใน 2H64) และไต้หวัน (คาดเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2565) 3) Forward PE +/- 22 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 25 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) RATCH* ทุ่มเฉียด 6.7 พันล. เทกฯ สหโคเจน (ชลบุรี) หนุนธุรกิจ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ราชกรุ๊ป” ใช้เงินกว่า 6.69 พันล้านบาท เทกโอเวอร์ “สหโคเจน (ชลบุรี)” จากผู้ถือหุ้นเดิม “กลุ่มสหพัฒฯ -นักลงทุนรายอื่น 34 ราย” 384,789,131 หุ้นหรือ 33.07% ราคาหุ้นละ 5.75 บาท พร้อมทั้งซื้อหุ้นเพิ่มทุน 208.69 ล้านหุ้นและทำเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือ 570,210,869 หุ้นในราคาเดียวกันเป็นเงิน 3.28 พันล้านบาท เพิ่มศักยภาพและโอกาสการลงทุนในอนาคตคาดดีลจบปีนี้

(+) EP ปิดดีลใหญ่กลุ่มบีกริมขายโรงไฟฟ้าหมื่นล้าน คาดดำเนินการเสร็จภายในไตรมาส 4/64 (ข่าวหุ้น) บอร์ด EP ไฟเขียว บริษัทย่อยปิดดีลขายหุ้น E-COGEN เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 360 เมกะวัตต์ให้กับ “ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี” (บริษัท ร่วมทุน UV และ BGRIM) คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 11,334 ล้านบาท คาดดำเนินการเสร็จภายในไตรมาส 4/64 จ่อชงที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ 17 ธ.ค. นี้

(+) TFM เทรดวันนี้เหนือจองติดปีกขยายลงทุนอินโดฯ (ข่าวหุ้น) ไอพีโอป้ายแดง “ไทยยูเนี่ยนฟีด มิลล์” หรือ TFM ลงสนามเทรดใน SET วันนี้ ลุ้นราคาวิ่งเหนือจอง 13.50 บาท ธุรกิจมีอนาคตนำเงินระดมทุนไปลงทุนในเครื่องจักรและการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย

(+) MAKRO ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าขาย PO หวังเพิ่มฟรีโฟลต 15% เสริมแกร่งฐานะการเงิน (ข่าวหุ้น) “สยามแม็คโคร” เดินหน้ายื่นไฟลิ่งก.ล.ต. ขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และหุ้นสามัญเดิมแก่ประชาชนทั่วไป (PO) ไม่เกิน 2,270 ล้านหุ้น หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์แล้วเสร็จ หวังเพิ่มสัดส่วนฟรีโฟลตไม่ต่ำกว่า 15% เสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินขยายการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ

(+) กลุ่มรับเหมาฯ / วัสดุก่อสร้าง) อัด 1.4 ล้านล. กระตุ้นศก. (ไทยโพสต์) “ศักดิ์สยาม” เปิดแผนคมนาคมปี 65 ลุยเมกะโปรเจ็กต์ 40 โครงการมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท หนุนโครงสร้างพื้นฐานกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านรฟม. เดินหน้าเปิดร่าง TOR รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

(+) KM ดีลเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ผนึกพันธมิตรตั้งบ.ร่วมทุน (ทันหุ้น) KWM แย้มอยู่ระหว่างเจรจาผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในประเทศสกัดพืชสมุนไพรพร้อมผนึกพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน “เคดับบลิวเอชบี” ลุยธุรกิจสกัด-ผลิต-จำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพรไทยทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท สร้างโรงสกัดคาดเดินเครื่องผลิตในกุมภาพันธ์ปี 65 หวังรับทรัพย์ปีแรก 50 ล้านบาท

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • PSH* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 13.5 บาท / แนวต้าน 14.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Stop loss 13.1 m)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.34 บาท / แนวต้าน 3.46 – 3.60 บาท (Trailing stop 3.30 บาท)
  • KTB* (เป้าพื้นฐาน 15.4 บาท) แนวรับ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.1 – 12.5 บาท (Stop loss 11.2 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) แนวรับ 11.2 บาท / แนวต้าน 11.7 – 12.5 บาท (Stop loss 11 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 70 บาท) แนวรับ 63.5 บาท / แนวต้าน 65-67 บาท (Stop loss 63 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 15 บาท) แนวรับ 14.5 บาท / แนวต้าน 15.0 -15.6 บาท (Stop loss 14.1 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลุ่มโรงพยาบาล น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มฯ ใน 3Q64 คาดจะโตเด่น โดยในรับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผู้ป่วยโรคอื่นๆ เริ่มกลับมารักษา โดยหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานจะโตเด่น ได้แก่ BCH, CHG, EKH เลือก BDMS* เป็นหุ้นเด่น … อ่านรายละเอียดการ Preview หุ้นรายตัวในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพิ่มเติม
  • BEC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 14.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 168 ล้านบาท (-9% QoQ, +180% YoY) กำไรที่คาดชะลอตัวลง QoQ ในไตรมาสนี้ เป็นผลจากรายได้ธุรกิจทีวีและรายได้จากการขาย Content ลดลง ขณะที่กำไรที่คาดจะโตเด่น YoY เป็นผลจากฐานในปีก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงาน 4Q64 จะฟื้นตัวขึ้นแบบ QoQ ตามภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อ
  • OR* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 29 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q64 = 2.1 พันล้านบาท (-39% YoY, -35%QoQ) กำไรที่คาดจะชะลอตัวลงในไตรมาสนี้เป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี คาดปริมาณขายน้ำมันและยอดขายธุรกิจ F&B จะเริ่มฟื้นตัวใน 4Q64
  • GGC แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 12.2 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q64 = 215 ล้านบาท (+116% YoY, +171% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะเติบโตเด่นในตรมาสนี้ เป็นผลจาราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับขึ้นมาก ส่งผลบวกต่อกำไรสต๊อก และฝ่ายวิจัยฯ ปรับเป้าหมาย PE ขึ้นเป็น 20 เท่า (เดิม 17 เท่า) ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 12.2 บาท อย่างไรก็ดี ผลจากมาตรการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐฯ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้น GGC อยู่ แนะนำเพียง “ถือ”

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์หลักทรัพย์ /2. เป้าพื้นฐานหมายถึงราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -