บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) “3Q21 ต้นทุนเหล็กเริ่มเห็นผลกระทบ”

คาด 3Q21 กำไรสุทธิ 213 ลบ. (+263% YoY, -10% QoQ)

เราคาดว่าผลประกอบการงวด 3Q21 จะเริ่มเห็นผลกระทบจากราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรอยู่ที่ 213 ลบ. (+263% YoY, -10% QoQ) ขณะที่ในแง่รายได้แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์จะเห็นการชะลอตัวจาก 2Q21 จากการระบาดของโควิดและปัญหาการขาดแคลนชิป แต่ด้วยผลดีของกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังดูดีทำให้รายได้ลดลงเพียง 1% QoQ มาอยู่ที่ 2,020 ลบ. (+32% YoY) กำไรขั้นต้นคาดไว้ที่ 18% ดีขึ้นจากที่ 15% ใน 3Q20 แต่ลดลงจาก 19.4% ใน 2Q21 จากปัญหาเรื่องต้นทุนเหล็กข้างต้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 172 ลบ. (+5% YoY, -5% QoQ) การลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าขนส่งทางอากาศที่ลดลงหลังมีการเร่งส่งไปในช่วง 1H21 ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 19 ลบ. จากที่รับรู้ขาดทุน 12 ลบ. ใน 3Q20 แต่ -10%QoQ

4Q21 พื้น มีลุ้นรายได้ดีสุดของปี แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ

หลังจากผลประกอบการชะลอตัวไปในช่วง 3Q21 ล่าสุดในแง่คำสั่งซื้อเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยยอดขายในเดือน ต.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ก.ย. หากสถานการณ์ยังเป็นไปตามนี้ คาดว่ารายได้ในช่วง 4Q21 มีโอกาสจะออกมาสูงกว่า 1Q21 ที่มีรายได้ 2,208 ลบ. ซึ่งจะทำให้เป็นไตรมาสที่มีรายได้สูงสุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม ในแง่กำไรสุทธิอาจจะไม่ใช่ไตรมาสที่มีกำไรสูงสุด เพราะปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตยังอยู่ (คาดว่าเริ่มปรับราคากับลูกค้าได้ชัดเจนในปี 22 เป็นต้นไป) รวมถึงจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการปรับโครงสร้างกิจการเป็นโฮลดิ้งเพิ่มเข้ามา ส่วนแนวโน้มในปี 22 ด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว รวมถึงการเริ่มรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่ที่จะรับรู้ในช่วง 2022  ทำให้แนวโน้มผลประกอบการยังเห็นการโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านผลกระทบจากการเข้ามาของตลาดรถ EV นั้นทาง SAT มีการศึกษาอยู่ว่าจะปรับปรุงสินค้าได้แบบใดบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการลดน้ำหนักชิ้นงาน แต่คาดว่ากลุ่มรถกระบะที่เป็นลูกค้าหลักของ SAT จะยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่า 5-10 ถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

คงประมาณการและคงคำแนะนำเดิม

ถ้ากำไรสุทธิในช่วง 3Q21 ออกมาตามคาดกำไรสุทธิในช่วง 9M21 จะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 78% ของกำไรที่เราคาดไว้ 989 ลบ. (+166% YoY) แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่กล่าวไปข้างต้น เราจึงยังคงประมาณการเดิมไว้ก่อน สำหรับคำแนะนำการลงทุนจากผลประกอบการที่คาดว่าจะยังดูดี และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะฟื้นหลังการเปิดประเทศ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะได้ใหม่ที่ 25.5 บาท (10.5XPER’22E)

- Advertisement -