บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

SIS: คาดกำไรปกติที่เพิ่มขึ้นใน 3Q21

เราคาดว่ากำไรปกติใน 3Q21 จะเพิ่มขึ้น QoQ (+22% YoY, +6% QoQ) ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นแม้ว่ารายได้จะลดลง

  • เราคาดรายได้ 3Q21 จะอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท (+14% YoY, -4% QoQ) จากยอดขายที่ลดลงของสมาร์ทโฟนเรือธง เนื่องจากเราคาดว่าผู้ที่ใช้ Xiaomi ส่วนใหญ่ได้ซื้อมือถือไปตั้งแต่ใน 2Q21
  • เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวสู่ 6.1% (+0.4ppts QoQ) ด้วยสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นของกลุ่มสินค้า Enterprise และ Cyber Security ซึ่งมีอัตรากำไรสูง
  • 4Q21 อาจทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยแรงผลักดันจากกลุ่มสินค้า Enterprise และ Cyber Security ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่บริษัทได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดจำหน่าย Amazon Web Services ในประเทศไทย
  • ใน 2022E การเติบโต YoY อาจมีจำกัดจากปัญหาการขาดแคลนไมโครชิปทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบจนถึง 2Q22

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 1H21 โดยเราจะพิจารณาปรับประมาณการ และมูลค่าเหมาะสมของเรา หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการ 3Q21 เพื่อประเมินผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2021 และพิจารณาถึงผลกระทบของปัญหาการขาดแคลนไมโครชิปที่จะส่งผลกระทบต่อ บริษัทจนถึงในช่วง 2H22

3Q21E Earnings Preview

  • เราคาดว่ากำไรปกติใน 3Q21 จะเพิ่มขึ้น QoQ (+22% YoY, +6% QoQ) โดยได้แรงหนุนจาอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นแม้ว่ารายได้จะลดลง 4% QoQ
  • รายได้ 3Q21 ลดลง QoQ (+14% YoY, -4% QoQ) จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่ลดลง เราคาดว่าผู้ที่ใช้ Xiaomi ส่วนใหญ่ได้ซื้อมือถือไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ใน 2Q21
  • คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 6.1% (+ 0.4ppts QoQ) โดยการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ มาจากส่วนที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ได้แก่ ธุรกิจ Enterprise (สินค้ามูลค่าเพิ่ม)

4Q21E Earnings Preview

  • เราคาดกำไร 4Q21 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ จากรายได้ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง Enterprise และ Cyber Security (ในประเทศไทยการใช้จ่ายสินค้าประเภท Iaas มีการเติบโตที่เฉลี่ย 39% YoY) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ บริษัท ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดจำหน่าย Amazon Web Services ในประเทศไทย
  • ใน 2022E บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนไมโครชิปทั่วโลก ที่จะกระทบและกดดันการเติบโตของรายได้ในกลุ่มสมาร์ทโฟนไปจนถึง 2022 เราจะพิจารณาปรับประมาณการปี 21E และ 22E หลังจาก บริษัทประกาศผลประกอบการ 3Q21 เพื่อประเมินผลกระทบของการขาดแคลนที่มีต่อบริษัท และโอกาสการเติบโตของกลุ่ม Enterprise

การขาดแคลนไมโครชิพจะกดดันการเติบโตของบริษัทไปจนถึงช่วง 2H22

ปัญหาการขาดแคลนซิปทั่วโลกจะเป็นตัวกดดันศักยภาพการเติบโตของบริษัท

การขาดแคลนไมโครชิปจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท จนถึง 2H22 เราคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะมีการเติบโตที่จำกัดในช่วง 4Q21 ถึง 2H22 โดย Counterpoint Research ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของหน่วยสมาร์ทโฟนทั่วโลกลงเหลือ 6% จาก 9% ในปี 2021 เนื่องจากการขาดแคลนไมโครชิปโดย Nation Thailand และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานว่า สถานการณ์การขาดแคลนไมโครชิปจะคงอยู่ไปจนถึง 2Q22 ซึ่งอุปทานจะกลับมาสู่ภาวะปกติ (14 พฤษภาคม 2021) ปัญหานี้มีความสำคัญเนื่องจากรายได้ของบริษัท มากกว่า 80% มาจากสินค้าสมาร์ทโฟน ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค (2021) ซึ่งทั้งหมดต้องใช้โปรเซสเซอร์ไมโครชิป

ในปี 2022 รายได้ของบริษัทอาจไม่เติบโตเป็นครั้งแรกในรอบสามปี เราเชื่อว่าปัญหาการขาดแคลนอุปทานอาจเป็นตัวขัดขวางที่จะทำให้ในช่วง 1H22 บริษัทไม่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนในช่วง 1H21 โดยคุณ Tom Kang ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Counterpoint Research ได้คาดการณ์ว่าแบรนด์หลักของบริษัท เช่น Samsung และ Xiaomi จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหานี้มากกว่า Apple นอกจากนี้ผู้บริหารของบริษัท ยังคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสมาร์ทโฟนที่ชะลอตัวลงในปี 2022 (หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์: 31 สิงหาคม 2021) เว้นแต่ บริษัทจะขยายรายได้ในส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่มและสินค้าส่วนอื่นๆ ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าไม่น่าที่จะเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัท

Revenue Breakdown

สินค้าสำหรับผู้บริโภคคิดเป็น 34% ของยอดขายรวมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ไอทีประเภทรวมถึง เครื่องพิมพ์ พีซี โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก คือ ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่จะจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังครัวเรือน และบริษัทขนาดเล็ก

สินค้าเชิงพาณิชย์เป็นผลิตภัณฑ์ไอทีทั่วไป ซึ่งขายผ่านตัวแทนจำหน่ายขององค์กรและผู้ดูแลระบบ โดยที่ลูกค้าปลายทางจะเป็นองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ กลุ่มนี้คิดเป็น 24% ของยอดขายรวม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยพีซี / เซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูลระบบเครือข่ายและอื่นๆ

สินค้าโทรศัพท์คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม ในปัจจุบันบริษัทจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung, Asus, Acer, Lenovo และ Wiko ให้แก่บริษัทค้าปลีกโทรศัพท์ต่างๆ

Enterprise (สินค้ามูลค่าเพิ่ม) ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่ต้องการบริการหลังการขาย และบริการหลังการขายสิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ที่เก็บข้อมูลองค์กรและเซิร์ฟเวอร์ระบบสำรองและความปลอดภัยเครือข่าย และกล้องวงจรปิดอื่นๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่จัดอยู่ในหมวดนี้

- Advertisement -