สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ท่ีผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงเล็กน้อย เป็นภาพของดัชนีที่ซึมลงท้ังสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่ศบค. ลดพื้นท่ีสีแดงเข้มเหลือ 7 จังหวัด พร้อมท้ังเพิ่มพื้นท่ีสีฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องท่องเท่ียว 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา และ ภูเก็ต ไม่มีเคอร์ฟิว และให้สามารถนั่งรับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ ทำให้หุ้นธนาคารที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจปรับตัวบวก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,623.43 จุด -0.88 จุด -0.05% มูลค่า การซื้อขาย 66,747 ลบ.ต่างชาติ -3,003.88 ลบ. TFEX -15,405 สัญญา ตราสารหนี้ -1,584.49 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด +89.08 จุด +0.25% ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิล หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI +76 เซนต์ +0.9% ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไป

+ นายจงหนานชานนักระบาดวิทยาชั้นนำของจีนเปิดเผยว่า จีนจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใน 1 เดือน

+ 1 พ.ย. เปิดประเทศวันแรกรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เอื้อต่อการท่องเที่ยว คาดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 64 และมีผลดีต่อเนื่องไปยังปี 65

+ สหรัฐเผยดัชนี PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ FED ให้ความสำคัญพุ่ง 4.4% ในเดือนก. ย. สูงสุดรอบกว่า 30 ปี จากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน

ปัจจัยลบ

– นางแนนซี เทโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเลื่อนการโหวตร่างกม. การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับร่างกม. ดังกล่าว

– ที่ประชุมกลุ่มผู้นำประเทศมหาอำนาจ G20 อนุมัติข้อตกลงครั้งสําคัญระดับโลก เห็นชอบข้อตกลงจัดเก็บภาษีกําไรของบริษัทที่มีขอบเขตในการทำธุรกิจขนาดใหญ่ในอัตราอย่างน้อย 15% มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2566

– WHO เปิดเผยว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดพุ่งขึ้นทั่วยุโรป

– ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนในเดือนต.ค. ขยับลงมาอยู่ที่ 49.2 จากระดับเดือนก.ย. ที่ 49.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่า 50 ที่บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

– แกนนําม็อบราษฎรเผยเตรียมรวบรวมรายชื่อด้านมาตรา 112 ยื่นรัฐบาลวันนี้

+/- สบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,859 ราย ATK 3,285 มีผู้เสียชีวิต 47 ราย รักษาหาย 8,253 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวข้ึนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Reopening จากการ เปิดประเทศวันนี้ ขณะท่ีนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ท่ี 1615-1,630 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ค่าการกลั่นปรับตัวข้ึนเป็นบวกต่อ: TOP SPRC ESSO PTTGC
  • หุ้น Reopening Play: หุ้นกลุ่มท่องเท่ียว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
  • หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH LPN
  • ยอดส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต TU NER TWPC SKN HTECH

หุ้นรายงานพิเศษ

EKH- “คาดกำไร 3Q64 ทำ (Bloomberg Consensus 8.75 บาท) New High”

  • (+) คาดแนวโน้มรายได้และกำไรงวด 3Q64 เติบโตแรงทำนิวไฮ ได้แรงหนุนจาก High Season และยอดผู้ป่วยโควิด-19 ภายในประเทศที่เร่งสูงขึ้น ทำให้ยอดผู้ป่วย IPD โดดขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ซึ่งเดิมเฉลี่ย 140 ราย/วันสู่กว่า 500 ราย/วัน หากนับเฉพาะยอดแอดมิดสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในเดือน 7 เพียงเดือนเดียวเพิ่มกว่า 1,000 รายเทียบกับช่วง 2Q64 ทั้งไตรมาสที่ 885 รายส่วน %GPM คาดเร่งสูงขึ้นเช่นกันตามจำนวนเคสการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีมาร์จิ้นสูง โดยผบห. ปรับเป้าการเติบโตของรายได้ทั้งปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 40% YoY จากเดิมคาดโต 20% YoY
  • (+) ความเห็นเรามีมุมมองบวกต่อการเติบโตในช่วง 2H64 จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรง อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง EKH ยังมีปัจจัยบวกจากธุรกิจอื่น อาทิ 1) ธุรกิจ IVF (การทำเด็กหลอดแก้ว) 2) ธุรกิจใหม่ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดจะแล้วเสร็จช่วงกลางปีหน้ามารองรับการเติบโต และ 3) ล่าสุด บริษัทเข้าลงทุนในบมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (CLINIC) (สัดส่วนการลงทุน 10%) ประกอบธุรกิจให้บริการด้านผิวพรรณศัลยกรรมความงาม และการดูสุขภาพ ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 29 สาขา และอยู่ระหว่างการขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 64 ราว 248.5 ลบ. +245% YoY (กำไร 1H64 เท่ากับ 99.4 ลบ. คิดเป็น 40% ของประมาณการทั้งปี 64) EKH-W1 XW วันที่ 2 พ.ย. 64

หุ้นมีข่าว

(+) ICN (Bloomberg Consensus – บาท) ICN ชี้คลายล็อกหนุนโครงการขนาดใหญ่ไซซ์พันล้านจ่อ คลอด คาดเริ่มเห็นเดือนพฤศจิกายนนี้ ปักเป้าดันแบ็กล็อกสิ้นปีชน 2.5 พันล้านบาท จากปัจจุบัน 1.2- 1.3 พันล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ปีนี้ 700-800 ล้านบาท เชื่อปี 64 ผลงานโตตามนัด 40% พร้อมใส่เกียร์ ลุยดิจิทัล เล็งเซ็นสัญญาธุรกิจใหม่มูลค่า 500 ล้านบาท ในไตรมาส 4 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) M (Bloomberg Consensus 60.00 บาท) กลับมาเปิดครบ 476 สาขา ดันยอด SSSG ไตรมาส 4/2564 ฟื้นตัวชัด หลังภาครัฐเดินหน้าเปิดประเทศหนุนโอกาสใช้บริการร้านเอ็มเคสุกี้มากขึ้น เตรียมจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดเพิ่ม ชูยอดขายออนไลน์ยังดีต่อเนื่อง ลุ้นปีหน้าโต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ORI (Bloomberg Consensus 11.40 บาท) “ออริจิ้น” แตกไลน์ธุรกิจร้านอาหาร ส่ง “วัน ออ ริจิ้น” เปิดตัว “ออริจิ้น ฟู้ด” บุกธุรกิจร้านอาหารผ่าน 3 แกนหลัก สร้าง Owned Brand-ทา JV- ซื้อแฟรนไชส์หวังตอบโจทย์อีโคซิสเท็มนาร่องเปิดตัวร้าน Gin Kitchen-ปั้นแบรนด์ร้านอาหาร แบบ All Day Dining ในไตรมาส 4 นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SVT (Bloomberg Consensus 3.10 บาท) SVT ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/64 แจ่ม! หลัง ภาครัฐเปิดประเทศ เดินหน้าเพิ่มเครื่องเวนดิ้ง แมชชีน คาดสิ้นปีนี้แตะ 14,300-14,400 เครื่อง พร้อมซุ่มเจรจาพันธมิตรผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง เจาะฐานลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ลุ้นวางจำหน่ายช่วงปลายไตรมาส 1/65 นอกจากน้ีเตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 3 สาขาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เริ่มที่ภาคเหนือที่จังหวัดลำพูน (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

1 พ.ย.เปิดประเทศ เปิดโรงเรียน เปิดสภาฯ เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดสพื้นที่สีฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา และภูเก็ต ไม่มีเคอร์ฟิว และให้สามารถนั่งรับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้

1 ธ.ค. เปิดผับบาร์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

1 พ.ย. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่าย (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.จากไฉซิน

สหรัฐรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.

2 พ.ย. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต

3 พ.ย. สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างานภาคเอกชน เดือนต.ค.จาก ADP ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายต.ค.จากมาร์กิต ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 4 พ.ย.)

4 พ.ย. ประชุมของกลุ่มโอเปคพลัส

อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ต.ค.จากมาร์กิต ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.

- Advertisement -