เริ่มต้นการเปิดประเทศแต่เช่ือว่ายังไม่เห็นผลมากนัก แนะหุ้นกำไร 4Q21 ฟื้น QoQ CBG SCGP

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางสบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมประกอบไปด้วย (1) ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม) 23 จังหวัดเหลือ 7 จังหวัด (2) ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 38 จังหวัด จากเดิม 30 จังหวัดกรุงเทพฯเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งนี้สำหรับพื้นที่ข้อ (2) ไม่จำกัดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน ศูนย์การค้า ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ เปิดได้ตามเวลาปกติ ส่วนร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่ยังยกเว้นการดื่มแอลกอฮอล์ (ยกเว้นกรุงเทพฯ) เนื่องจากเป็นพื้นที่สีฟ้า (พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว) ขณะเดียวกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารัฐบาลได้เพิ่มประเทศที่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัวอีก 17 ประเทศ รวมแล้วทั้งหมดเป็น 63 ประเทศ ความเห็นเราสำหรับการเพิ่มจำนวนประเทศอีก 17 ประเทศถือเป็นบวกเล็กน้อยต่อการลงทุน เนื่องจากได้เพิ่มประเทศที่คิดเป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย 15 อันดับแรกเข้ามาอัน ได้แก่ อินเดีย (5%) ลาว (4.6%), เวียดนาม (2.7%) โดยอ้างอิงข้อมูลจากปี 19 (% = สัดส่วนของนักท่องเที่ยวประเทศนั้น ๆ ต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด) จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมดมองหุ้นสนามบิน (AOT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) ร้านอาหาร (M) โรงแรม (CENTEL ERW MINT) รถไฟฟ้า (BTS BEM) รับประโยชน์ส่วนการเปิดประเทศครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีตั้งแต่ 1 พ.ย. 21 เป็นต้นไป ยังเชื่อว่าผลบวกต่อเศรษฐกิจรวมถึงกำไรยังจำกัด ขณะที่ยังสามารถคาดหวังจำนวนการเดินทางมาได้เยอะเนื่องจาก (1) จีนที่คิดเป็นสัดส่วนอันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติการเดินทางออกมานอกประเทศยังเป็นไปอย่างลำบาก (2) การติดเชื้อต่อวันของประเทศไทยยังสูงหากเทียบกับประเทศใกล้เคียง อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย (3) Vaccine เข็มแรกและเข็มสองครอบคลุมเพียง 59% และ 42% ของประชากรหากเทียบกับประเทศใกล้เคียง อาทิ เกาหลี (79%, 74%) ญี่ปุ่น (77%, 72%) มาเลเซีย (79%, 75%) แต่ดีกว่าอินโดนีเซีย (43%, 26%) ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ ได้แก่ (1) ประชุม FED 2-3 พ.ย. ทราบผลทางการในเช้าวันพฤหัสตามเวลาประเทศไทยตลาดคาดว่า FED จะประกาศแผนลดวงเงิน QE 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หากออกมาเป็นไปตามนี้ก็เชื่อว่าไม่มีผลอะไรมากต่อการลงทุน (2) ประชุม OPEC+ ในวันที่ 4 พ.ย.ตลาดคาด OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน หากออกมาคล้ายข้างต้นเชื่อว่าไม่มีผลมากต่อราคาน้ำมันดิบรวมถึง SET INDEX (3) ตัวเลขเศรษฐกิจ PM, แรงงานสหรัฐ พร้อมประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1600 – 1650

เชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะทยอยสะสมหุ้นที่ผลประกอบการ 3Q21 จะเป็นจุดต่ำสุด และ 4Q21 จะเริ่มฟื้นตัว แต่สวนทางกับราคาหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อย (CBG PTG SCGP) ส่วน Domestic Play หากจะทยอยสะสมให้เน้น Laggard อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) รถไฟฟ้า (BTS BEM) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) สนามบิน (AOT) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

CBG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 159 บาท) คาดผลประกอบการ 3Q21 ที่ 655 ล้านบาท ต่ำที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส กดดันจากยอดขายที่อ่อนตัวลงในทุกประเทศ ยกเว้นรายได้จัดจำหน่ายขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนตัวลง YoY จากต้นทุนน้ำตาลและอลูมิเนียมที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อราคาหุ้นล่าสุดสะท้อนไปแล้วขณะที่ 4Q21 คาดจะเห็นการฟื้นตัว QoQ

SCGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72 บาท) คาดว่า 3Q21 เป็นจุดต่ำสุดและจะค่อยๆฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q21 เป็นต้นไป จากการคลายล็อกดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนาม แนวโน้มกำไรปี 2022 ที่สดใส ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้รายได้จาก Deltalab และการขยายตัวแบบ Organic

- Advertisement -