THAI หวังผลงานพลิกมีกำไรในปี 66 หลังดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ คาดต้นปีหน้าได้เงินกู้ใหม่จากเอกชน 2.5 หมื่นล้านบาท ลุ้นรัฐเร่งเพิ่มทุน 2.5 หมื่นล้านบาท หวังช่วยให้ธุรกิจกลับมาพลิกฟื้น พร้อมเตรียมขายเครื่องบิน 42 ลำ คาดได้เงิน 8 พันล้านบาท คงเหลือฝูงบิน 58 ลำ เพียงพอรองรับการให้บริการได้ในระยะสั้น คาดธุรกิจกำลังฟื้นตัว

 

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยในงานแถลงความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยระบุว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินเอกชนในการขอสินเชื่อใหม่ วงเงิน 25,000 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นสภาพคล่อง และการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะได้รับเงินในเดือนมกราคม 2565 ซึ่งจะสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทางด้านตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 12,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายพนักงาน 4,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ยังหวังจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ จำนวน 25,000 ล้านบาท ผ่านการเพิ่มทุน แม้ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เพื่อไม่ให้ภาครัฐ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เสียโอกาสในการรักษาสิทธิการซื้อหุ้นไม่เกิน 40% ในราคา 2.54 บาท เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าหากผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ จะเห็นผลงานที่กลับมาเติบโต และเพื่อให้หุ้นกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นเดิม

“เงินสินเชื่อใหม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการเริ่มหารือกับเจ้าหนี้เดิม เพื่อให้เขารวมกันปล่อยสินเชื่อรวม หวังว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ หรือมกราคมปีหน้า ก็น่าจะลงนามในเอกสารเบื้องต้นทำให้ครบถ้วน และพร้อมเบิกเงินตั้งแต่มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ในขณะที่สินเชื่อส่วนร่วมของภาครัฐ ก็อยากเห็นความชัดเจนกลางปีหน้า” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดปัญหา บริษัทได้เดินหน้าลดค่าใช้จ่าย ซึ่งตอนนี้ถือว่าบรรลุเป้าหมายไปแล้วกว่า 90% หรือลดค่าใช้จ่ายได้แล้วกว่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านบุคลากร ลดลง 16,000 ล้านบาท, ประสิทธิภาพฝูงบิน ลดลง 12,000 ล้านบาท, เจรจาสัญญาเช่าเครื่องบิน ลดลง 6,800 ล้านบาท, เจรจาสัญญาซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ ลดลง 4,500 ล้านบาท, ด้านการจัดซื้อ ลดลง 1,100 ล้านบาท, การปรับปรุงเทคนิคการบิน ลดลง 719 ล้านบาท และปรับปรุงประสิทธิภาพฝ่ายช่าง ลดลง 802 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าปลดระวางฝูงบิน โดยจะมีการจำหน่ายเครื่องบินออกไป 42 ลำ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเจรจาแล้วเสร็จ คาดว่าจะได้เงินราว 8 พันล้านบาท ประกอบกับการยกเลิกสัญญาเช่า หรือเช่าซื้ออีก 16 ลำ ส่งผลให้บริษัทจะมีฝูงบินสำหรับปฎิบัติการบินตามแผนจำนวน 58 ลำ และจะมีการรับฝูงบินเข้ามาประจำการเพิ่มเติมในปี 2565 จำนวน 3 ลำ โดยถือว่ายังเพียงพอ และรองรับการให้บริการในระยะสั้น

ทั้งนี้ บริษัทเร่งหารายได้จากธุรกิจการบิน เช่น Puff & Pie ซึ่งสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องกว่า 4,800 ล้านบาท ในช่วงเดือนเมษายน 63 – ตุลาคม 64 ซึ่งใน 5 ปีจะขยายสาขาให้เพิ่มเป็น 500 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา โดยจะสร้างรายได้เข้ามาปีละ 500 ล้านบาท

“ขณะนี้การเดินหน้าฟื้นฟูกิจการถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งการลดต้นทุนต่างๆ และธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งหลังการเปิดประเทศจะทำให้เปิดเที่ยวบินได้มากขึ้น โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางสหรัฐฯ และยุโรป โดยจะไม่มีเปิดเส้นทางใหม่เพิ่ม จึงเชื่อว่าจะทำให้บริษัทกลับมากำไรในปี 2566 หลังต้นทุนลดลงต่อเนื่อง” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว

************************************

- Advertisement -