บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

MINOR INTERNATIONAL PLC. ฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ.. ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +24.4%

Close Oct 29, 2021 Price (THB) 32.75

12M Target (THB) 40.75

Previous Target (THB) 35.40

What’s new?

  • คาดผลประกอบการ 3Q64 ฟื้นตัวท้ัง QoQ และ YoY หนุนจากการฟื้นตัวในโรงแรมในตลาดยุโรป และ Maldives มากเพียงพอชดเชยตลาดในไทยท่ีอ่อนแอลงเพราะการ Lockdow
  • คาด 4Q64 ดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ แต่จะยังขาดทุนเล็กน้อย ผลบวกของ High Season ท่ียาวนานขึ้น ในยุโรปและการเร่ิมเปิดประเทศในไทย ขณะท่ีภาพปี 2565 ลุ้นกลับมาทำกำไร และปี 2566 กลับเข้าสู่ศักยภาพการทำกำไรท่ีแท้จริง

Our View

  • หากผลประกอบการออกมาตามคาด ประมาณการปี 2564/65 ของเราท่ีขาดทุนปกติ 1.8 หมื่นพันล้านบาทมี Upside Risk อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่า MINT ทำได้ดีกว่าท่ีเราและตลาดคาดอย่างต่อเนื่อง เราปรับ ประมาณการปี 2564 เป็นขาดทุน 1.4 หมื่นพันล้านบาท
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี 2565 ท่ี 40.75 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA ท่ี 12x เทียบเท่ากับ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ยังเลือกเป็นตัวเลือกเด่นกลุ่ม Tourism

คาดผลประกอบการ 3Q64 ฟื้นตัวต่อ QoQ แม้ตลาดไทยยังถูกกดดัน

เราคาดผลประกอบการ 3Q64 ขาดทุนปกติที่ 2.8 พันล้านบาท ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากขาดทุนปกติที่ 3.4 พ้นล้านบาทใน 2Q64 และดีขึ้น YoY จากขาดทุนปกติท่ี 4.8 พันล้านบาทใน 3Q63 สรุปสาระสำคัญดังนี้
1) ธุรกิจโรงแรมรวมใน 3Q64 คาดมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY จากฐานต่ำในปีก่อนหน้า คาด Occupancy rate รวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 34% เทียบกับ 28% ใน 2Q64 และ 32% ใน 3Q63 กลุ่มโรงแรมที่มี การฟื้นตัวเด่นคือกลุ่มโรงแรมในตลาดยุโรปและประเทศ Maldives เป็นหลัก โดยประเทศในโซนยุโรปได้รับอานิสงส์จากมาตรการคลาย Lock down และกลับมาเปิดประเทศ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักปรับตัวดีขึ้น คาดที่ราว 50% จาก 2Q64 (~28%) แม้ภาพตลาดไทยยังถูกกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ คาดอัตราการเข้าพักต่ำท่ี 12% หลังรัฐบาลประกาศ lockdown ลากยาวจากไตรมาสก่อนหน้า 2) ธุรกิจอาหารคาด SSSG เฉลี่ยใน 3Q64 ที่ -8%YoY ลดลงเทียบกับ +6.1%YoY ใน 2Q64 แต่ดีขึ้นจาก -15.9%YoY ใน 3Q63 ภาพราย Segment ธุรกิจอาหารใน Australia และจีนยังเป็นบวกที่ราว 21%YoY แต่ธุรกิจอาหารในไทย ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักยังถูกผลกระทบ คาด SSSG ยังลดลง -10%YoY กดดันภาพรวมกลุ่ม 3) คาด SG&A ใน 3Q64 ที่ 6.2 พันล้านบาท (-19% QoQ, +6% YoY) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 6%YoY จากสาขาร้านอาหารที่เปิดเพิ่มขึ้น YoY แต่ยังสามารถควบคุมบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี QoQ 4) MINT ได้ทำธุรกรรม Sale and mange-back กับโรงแรมในในประเทศโปรตุเกสให้กับบริษัท Azora European Hotel & Lodging, FCR (AEHL) ในวันที่ 21 ก.ค.64 มูลค่าซื้อขายรวม 5.7 พันล้านบาท (148 ล้านยูโร) โดยภายหลังขายสินทรัพย์ MINT จะได้รับจ้างบริหารงานโดย NHH จะบริหารงานกลับให้โรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารการ (Managed-back) มีระยะเวลาในการจ้างรวมทั้งสิ้น 50 ปี เราคาด MINT จะบันทึกกำไรจากรายการดังกล่าวใน 3Q64 ท่ีราว 1 พันล้านบาท (26 ล้านยูโร) ใน 3Q64 ซึ่งรายการดังกล่าวไม่ใช่กำไรจากการดำเนินงานปกติ MINT จะรายงานผลประกอบการ 3Q64 ในวันที่ 12 พ.ย.64

สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง.. หลังการทำ Asset Rotation

นอกจากการทำธุรกรรม Sale & Lease back อย่างต่อเนื่อง MINT ยังเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกันจำนวน 1 หมื่นล้านบาท และยังประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนสกุลเงินเหรียญสหรัฐ (US Perpetual Bond) อีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 9.5 พันล้านบาทใน 2Q64 ปัจจุบัน MINT มีระดับ Net Debt to Equity ราว 1.8 เท่า ดังนั้นบริษัทฯมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากเพียงพอที่จะผ่านวิกฤติไปได้ไม่ต้องกังวลกับฐานะการเงินอีก

ปรับเพิ่มประมาณการปี 2564 คงแนวโน้มกำไรปี 2565-2566

หากรายงาน 3Q64 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการ 9M64 จะขาดทุนรวม 1.1 หมื่นล้านบาท เทียบกับประมาณการปี 2564 เดิมที่ขาดทุน 1.8 หมื่นล้านาท ขณะที่แนวโน้ม 4Q64 ยังฟื้นตัวได้ดี QoQ จาก Summer Season ในยุโรปที่ยาวนานกว่าปกติราว 2 เดือน และการทยอยเปิดประเทศของไทยเราปรับเพิ่มประมาณการปี 2564 จากขาดทุนปกติท่ี 1.8 หมื่นล้านบาทเป็นขาดทุน 1.4 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวของโรงแรมในต่างประเทศที่ทำได้เร็วและแรง และคงประมาณการปี 2565 ที่กำไรปกติ 1.4 พันล้านบาท และปี 2566 ที่ 5.5 พันล้านบาท เรามองว่าผลประกอบการ MINT ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาของการฟื้นตัว

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 40.75 บาท

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 40.75 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA ท่ี 12x  เทียบเท่า +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เราคาดจะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของ MINT ท่ีเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม เนื่องจากโรงแรมของบริษัทอยู่ในยุโรปเป็นหลัก ซึ่งฉีดวัคซีนไปมากแล้ว

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) การระบาดของสายพันธุ์ใหม่ท่ีอาจรุนแรงกว่าเดิม และ 2) การเปิดประเทศที่ล่าช้าออกไป

- Advertisement -