TKC หนึ่งในผู้นำในธุรกิจให้บริการออกแบบ วางระบบ และบริการที่เกี่ยวข้องในงานวิศวกรรมสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ กางแผนเข้าจดทะเบียนใน SET  ล่าสุด ก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 78 ล้านหุ้น ระดมทุนขยายธุรกิจ รองรับโอกาสการเติบโตของเทคโนโลยี 5G ตามความต้องการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นส์อัจฉริยะ เผยเงินที่ได้จากการระดมทุนนำใช้ในการขยายธุรกิจ และงานบริการ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC  เปิดเผยว่า บริษัทวางกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 78 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อสนับสนุนให้ TKC มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการเติบโตรองรับความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี 5G ความต้องการการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นส์อัจฉริยะต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เรียนออนไลน์ และเพิ่มความต้องการติดตั้ง Fixed Broadband และการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจในโครงการเกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ (Transmission Networks) ระบบศูนย์ข้อมูลหลักและศูนย์ข้อมูลสำรอง (Data Center) ระบบคลาวด์ (Cloud) ระบบ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการและบำรุงรักษาต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง

“TKC เป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญด้านการวางระบบเครือข่ายสื่อสารและเทคโนโลยี ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม  ระบบสื่อสารข้อมูล และ ระบบความปลอดภัยสาธารณะ โดยบริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม และเครือข่ายสารสนเทศชั้นนำระดับโลก เช่น  Huawei, Nokia, Cisco, Verint,  Oracle, Netka System, XOVIS, Fortinet เป็นต้น ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยลักษณะการให้บริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน ได้แก่ โครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project หรือ งานโครงการ) งานบริการวิศวกรรมและงานบำรุงรักษา และงานจัดจำหน่ายอุปกรณ์  โดยบริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ สินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทถือหุ้นในบริษัทย่อย 2 แห่งคือ บริษัท ไอบีเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IBS) และบริษัท พาราไดม์ เทคโนโลยี เซอร์วิส จำกัด (PTS) ซึ่งประกอบธุรกิจที่เสริมธุรกิจของบริษัท โดยโครงสร้างรายได้ในงวด 6 เดือนแรกปี 2564 มาจากงานโครงการมากกว่า 70% รายได้จากงานบริการและบำรุงรักษากว่า 29% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากงานจัดจำหน่าย”

ทั้งนี้ ด้วยจุดแข็งและกลยุทธ์ในความเชี่ยวชาญตลอดระยะเวลามากกว่า 18 ปีที่บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา ดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์การทำงานด้านรับเหมาการสื่อสารและโทรคมนาคม ทำให้เข้าใจอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี เตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอนาคต มีระบบการควบคุมบริหารจัดการแต่ละส่วนงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ จากการเป็นผู้รับเหมามาก่อนทำให้บริหารต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง และการมีทีมวิศวกรที่มีทักษะ In-House ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ทั้งในแง่ความสามารถในการบริการและราคา รวมถึงมีการดูแลและการให้บริการหลังการขายที่สร้างความพึงพอใจ และความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ไว้ใจและกลับมาใช้บริการ ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นการสนับสนุนและพัฒนาเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี 5G ตามความต้องการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นส์อัจฉริยะต่างๆ เป็นต้น เพื่อรองรับโอกาสเติบโตในอนาคต

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายในปี 2565

สำหรับฐานะทางการเงินตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 – 2563) บริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2561 – 2563 อยู่ที่ 3,669.65 ล้านบาท 4,907.25 ล้านบาท และ 2,881.92 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 216.50 ล้านบาท 423.03 ล้านบาท และ 232.85 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 1,374.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.52 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 152.62 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2561-63 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 5.90 ร้อยละ 8.62 ร้อยละ 8.09 และร้อยละ 11.10 ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่ดีทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ประกอบกับความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดีขึ้น

“มองว่าโอกาสของ TKC หลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีความพร้อมมากขึ้นในการลงทุนด้านการพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่คาดว่าจะเจริญเติบโตอีกมากจากการเข้ามาของเทคโนโลยี 5G เนื่องจากต้องมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และมีการติดตั้งสถานีฐานและเสาสัญญาณจำนวนมาก เพื่อรองรับ 5G ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของมูลค่าตลาดสื่อสารโทรคมนาคม และเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม การเปลี่ยนแปลงมาเป็น 5G ทำให้มีความต้องการด้านโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมมากขึ้น และเพิ่มศักยภาพให้ TKC ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการให้บริการงานวิศวกรรมในสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต” นางสาวเดือนพรรณ กล่าว

*********************

- Advertisement -