บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

ORIGIN PROPERTY คาดกําไรสุทธิ 3Q64 ชะลอตัวลง QoQ

Action

BUY 

TP upside (downside) 19.6%

Close Nov 02, 2021 Price (THB) 11.20

12M Target (THB) 13.40

Previous Target (THB) 13.40

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 729 ลบ. (-14.5%QoQ, +1.6%YoY) ลดลง QoQ จากการบันทึกกำไรพิเศษในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในช่วง 2Q64
  • คาดบริษัทจะรายงานยอด Presale 3Q64 ที่ 7.2 พันลบ. (-11%QoQ, -3%YoY) แม้ลดลง QoQ และ YoY แต่น้อยกว่าอุตสาหกรรมที่ระดับ 15-20%QoQ
  • บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 4Q64 จำนวน 9 โครงการรวมมูลค่า 6.3 พันลบ.

Our View

  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 13.40 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 ที่ 9.6x เทียบเท่า +0.5SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท)
  • คาด ORI เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับอานิสงส์จากการปลดล็อค LTV มากที่สุดจากการเป็นผู้นำตลาดแนวสูง และมี Backlog รอโอนเป็นจำนวนมาก
  • Upside risk สำคัญที่ยังไม่รวมในประมาณการคือ การเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ อาทิ ธุรกิจ Healthcare, AMC, พลังงานทดแทน / พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย และธุรกิจการเงิน

คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ลดลง QoQ จากการบันทึกกำไรพิเศษในช่วง 2Q64

เราคาดกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 729 ลบ. (-14.5% QoQ, +1.6% YoY) จากกำไรพิเศษในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV Share Premium) ที่ลดลง 57.8% เมื่อเทียบกับช่วง 2Q64 ที่ 243 ลบ. อย่างไรก็ดี หากหักรายการดังกล่าวเราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 626 ลบ. เติบโตขึ้นกว่า 23.9% QoQ แต่ลดลง YoY จากฐานที่สูงในช่วง 3Q63 ที่มีการโอนโครงการ JV แนวสูงอย่างหนาแน่น

เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 35.2% ลดลง 477 bps QoQ และ 532 bps YoY และเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่มีสัดส่วนแนวราบที่เพิ่มมากขึ้น (GPM แนวราบของ บริษัท อยู่ที่ระดับราว 32.0-33.0%) รวมถึง Product mix ของการระบาย Inventory ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ

Presale 3Q64 ยังแข็งแกร่ง … เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อย่างหนาแน่นในช่วง 4Q64

เราคาดว่าบริษัทจะรายงานยอด Presale 3Q64 ที่ 7.2 พันลบ. (-11% QoQ, -3% YoY) แม้ลดลง QoQ และ YoY แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลกระทบเชิงลบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างในช่วงเดือน ก.ค. 2564 ขณะที่ Presale ของกลุ่มคาดลดลงที่ระดับ 15-20% QoQ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ควรจับตา คือ ยอดขายโครงการแนวราบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง (สอดคล้องกับสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 2Q64) โดยเราคาด Presale 3Q64 แบ่งเป็นแนวราบที่ 2.2 พันลบ. (+5% QoQ, +51% YoY) สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากอุปสงค์บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่ยังแข็งแกร่งจากอานิสงส์ของ COVID-19 หนุนด้วยการเติบโตของยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 และช่วง 1H64 ที่ระดับ 6.0 พันลบ. และ 3.5 พันลบ. ตามลำดับ

สําหรับยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 3Q64 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ ได้แก่ Hampton Rayong (1.3 พันลบ.), Origin Plug and Play Ramkhamhaeng Triple Station (1.4 พันลบ.) และ Brixton Pet & Play Sukhumvit 107 (480 ลบ.) ทำให้ยอดเปิดตัวสะสม 9M64 อยู่ที่ 1.1 หมื่นลบ. หรือคิดเพียงเป็น 56% ของเป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 2564 ที่ 2.0 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 4Q64 ถึง 9 โครงการรวมมูลค่า 6.3 พันลบ. แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 6 โครงการมูลค่า 4.3 พันลบ. โครงการแนวสูง 1 โครงการคือ Brixton Kaset Sriracha Campus มูลค่า 1.0 พันลบ. และโครงการ Origin Wellness Residence 2 โครงการรวมมูลค่า 1.0 พันลบ. ทั้งนี้ เราคาดบริษัทมีแผนเลื่อนการเปิดตัวโครงการแนวราบจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 2.7 พันลบ. ไปยังปี 2565 ทำให้เป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 ลดลงราว 12% เป็น 1.8 หมื่นลบ. แต่ยังสูงกว่า 33% เมื่อเทียบกับปี 2563

คาด ORI เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับอานิสงส์จากการปลดล็อก LTV มากที่สุด

เราคาดการปลดล็อกมาตรการ LTV ของ ธปท. ในวันที่ 21 ต.ค. 2564 ไปจนถึงสิ้นปี 2565 จะส่งผลให้ประมาณการปี 2564/65 มี Upside Risk ราว 5-10% จาก 1) อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection rate) และอัตราการยกเลิกของลูกค้า (Cancellation Rate) สำหรับ Backlog รอโอนช่วง 2H64-2565 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (ณ สิ้น 2Q64 ORI มี Backlog ในช่วง 2H64-2565 ที่ 1.8 หมื่นลบ. สูงเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม) และ 2) การระบาย Inventory ที่ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสินค้าประเภทแนวสูงมีค่าเฉลี่ยในการซื้อขายในสัญญาที่ 2 ขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% (แนวสูงคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของสินค้าพร้อมขายทั้งหมดของบริษัท ) มากกว่าแนวราบที่มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า 10%

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 13.40 บาท/หุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 13.40 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 ที่ 9.6% เทียบเท่า +0.5 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565 ที่เพียง 7.8x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.0x แต่เรามองว่า ORI ควรซื้อขายบน PER ที่เป็น Premium กว่ากลุ่ม จากการมี Upside risk ในการ Spin-off บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ, Healthcare, AMC, พลังงานทดแทนพลังงานและธุรกิจการเงินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

- Advertisement -