บล.ทรีนีตี้:

แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ – LPN

Gross Margin ลดลงจากการขาย Inventory ปรับลดคาดการณ์กำไร

  • รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 26 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 78.1% QoQ และ 74.2% YoY
  • รายงานรายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ 813.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 16.8% QOQ และ 12.21% YoY
  • ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2565-2566 เป็น 430 ล้านบาท และ 785 ล้านบาท ตามลำดับ
  • ยังคงแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท

3Q64 Earnings Review

  • LPN รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 26 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 78.1% QoQ และ 74.2% YoY โดยที่มีรายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ 813.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 16.8% QoQ และ 12.21% YoY และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.18 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 13.2% QoQ และ 12.7% YoY
  • Gross Margin กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 3Q62 อยู่ที่ 22% ปรับตัวลดลงจาก 2Q64 ที่ 26% เนื่องจากมีการลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย ในขณะที่ยอดโอนใน 3Q64 ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ที่ส่งผลให้ยอด visit โครงการลดลง
  • ค่าใช้จ่าย SG&A ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 21.4% จากฐานรายได้ที่ลดลง
  • ยอด Presales ใน 3Q64 อยู่ที่ 2 2.16 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอดรวมใน 9M64 อยู่ที่ 6.26 พันล้านบาท นับเป็น 63% ของเป้าที่ 1.0 หมื่นล้านบาท (สัดส่วนจากคอนโดที่ 7.0 พันล้านบาท และจากโครงการแนวราบที่ 3.0 พันล้านบาท)
  • มียอด Backlog รวมที่ 2.93 พันล้านบาท เป็นยอดที่รอโอนในช่วงที่เหลือของปี 2564 ที่ 1.2 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 987 ล้านบาท และคอนโดที่ 280 ล้านบาท)

ปรับคาดการณ์ยอดโอน และกำไรปี 2564-2565 ลง

เราปรับคาดการณ์ยอดโอนปี 2564-2565 ลง 33.3% และ 18.7% เป็น 4.32 พันล้านบาท และ 5.53 พันล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากยอดขายและยอดโอนในช่วง 9M64 ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ จากผลกระทบของการ Lockdown และยอด visit โครงการที่ลดลงในช่วง 3Q64 ส่งผลให้ยอดโอนใน 9M64 นับเป็นเพียง 65% ของที่เราคาดการณ์ ทั้งนี้ Gross Margin ที่ลดลงในช่วง 3Q64 ส่งผลให้เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิลง 50.6% และ 28.7% เป็น 430 ล้านบาท และ 785 ล้านบาท ตามลำดับ ด้านยอด Backlog รวมอยู่ที่ 2.93 พันล้านบาทเป็นสัดส่วนของโครงการแนวราบที่ 987 ล้านบาท และคอนโดที่ 1.94 พันล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่จะโอนในปี 2565 ที่ 1.52 พันล้านบาท จาก 4 โครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จ พร้อมโอนเราคาด Gross Margin ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะกลับสู่ระดับ 25% ในช่วงปี 2566 หลังจากที่มีการโอนโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น

ยังคงแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท

เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท โดยอิง EPS 2565F ที่ 0.53 บาท/หุ้น และค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลัง 5 ปีที่ 7.5% เนื่องจากรายได้จากการโอนในช่วง 2H64 จะมาจากการขายโครงการใน Inventory ทั้งหมด ส่งผลให้คาดว่า Gross Margin โดยรวมจะยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากการโอนโครงการ Lumpini Place Taopoon ที่เดิมจะต้องโอนใน 4Q64 ได้เลื่อนไปโอนใน 1Q65 แทน ส่งผลให้ปี 2564 ไม่มีการโอนโครงการคอนโดใหม่ ในขณะที่ยอดขายโครงการ Lumpini Ville Chaengwatthana 10 ที่จะพร้อมโอนใน 2H65 มียอดขายเพียง 10% อาจต้องพึ่ง Pricing ในการช่วยขาย ซึ่งจะกดดัน Gross Margin ต่อเนื่อง

- Advertisement -