ตลาดหุ้นวานน้ี:
SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดย โดยปิดทรงตัวหลังจากกลับตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 508 ลบ.และ 2 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures เกือบ 1.5 หมื่นสัญญา )
แนวโน้มตลาดวันนี้:
เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,620-1,635 จุด โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นดีกว่าคาดท่ี 5.3 แสนตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขส่งออกจีนเดือน ต.ค. +27.1% สูงกว่าตลาดคาด ขณะที่กลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ US$80 ต่อบาร์เรลอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีข่าวดีจากยาต้านไวรัส Paxlovid ของ Pfizer ที่สามารถลดป่วยหนัก-เสียชีวิตได้ถึง 89% เป็นอีกปัจจัยหนุนหุ้น Global และ Reopening Play ขณะที่ปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ผลประกอบการ 3Q21 ของบริษัทจดทะเบียน ระยะสั้นยังเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนจังหวะดัชนีลงทดสอบ 1,600+- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่มสำหรับกลุ่ม Value และ Reopening Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ และ Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่ม ธนาคาร โรงกลั่น อสังหาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ
กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE
หุ้นเด่นวันนี้: JR
  • แนะนำ “ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
  • คาดกาไรชะลอตัวชั่วคราวใน 3Q21 -25% จากการ Lockdown แต่คาดยัง +54% Y-Y จากงานในมือที่สูงกว่าปีก่อนมาก อย่างไรก็ตาม คาดเป็นจุดต่ำสุดก่อนฟื้นตัวใน 4Q21-2022
  • เราคาด JR จะได้งานเพิ่มหนุน Backlog ทะลุ 1 หมื่นลบ.ในต้นปีหน้า จากโอกาสสูงที่จะได้งานเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ซึ่งจะทำให้ไม่ถูกกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เราคาดกาไรปี 2021-2022 +167 Y-Y และ +54% Y-Y
  • แนวรับ 6.70 บาท แนวตา้ น 7//7.30-7.40 บาท

Fund Flow:

เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,148 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$935 ล้านและ US$171 ล้าน ขณะที่อาเชี่ยนหลายเข้าทุกประเทศ นำโดยอินโดนิเซีย ยกเว้นไทยที่ไหลออก US$59 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้า หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯดีกว่าคาด รวมถึงตัวเลขส่งออกของจีน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มไฟแนนซ์ ในช่วงที่ผ่านมาถูกกระทบทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรงและการควบคุมของ Regulator ที่เข้ม รวมถึงความเสี่ยงจาก SCB ในอนาคตที่จะรุกสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองกลุ่มสินเชื่อไม่มีหลักประกันจะกระทบหนักสุด กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนถูกกระทบปานกลาง ส่วนกลุ่มที่กระทบน้อยที่สุดคือกลุ่มบริหารสินทรัพย์และสินเชื่อรถบรรทุก เรามองราคาหุ้นของกลุ่มฯ ที่ปรับลงจนซื้อขายระดับ -1SD จากค่าเฉลี่ย สะท้อนปัจจัยกดดันไปมากพอสมควร ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q21-2022 คาดยังแข็งแรง จึงยังคงน้ำหนักการลงทุน “Overweight” Top Pick คือ JMT SINGER MICRO SAWAD

(+) SPVI-CPW ประกาศกำไร 3Q21 หดตัว Q-Q จากการ Lockdown แต่โตแรง Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน ขณะ ขณะที่แนวโน้ม 4Q21 ขาดเร่งตัวขึ้นจาก High Season หลัง Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ทั้ง iPhone และ MacBook เป็นต้น และเริ่มขายเร็วกว่า 4Q20 ถึงเกือบ 2 เดือน ทำให้กำไรคาดกลับมาเติบโต Q-Q และ Y-Y อย่างแข็งแกร่ง เราแนะนำ “ซื้อ” SPVI ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท จาก Upside ที่ยังเปิดกว้าง และแนะนำ “ถือ” CPW ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท

(+) RT คาดกำไร 3Q21 Flat Q-Q, -90% Y-Y ถูกกระทบจากการปิดแคมป์ 1 เดือนในกทม.และปรมิณฑล อย่างไรก็ตาม คาดโมเมนตัม 4Q21 ขยายตัวเด่นจากการเร่งรับรู้งานในมือต่อเนื่อง และเริ่มงานใหม่อีก 3 โครงการ เรายังคงคาดการณ์กำไรปี 2021 -55%Y-Y แต่จะฟื้นแรง +105% Y-Y ในปี 2022 จาก Backlog ปัจจุบันที่ 3.9 พันลบ.และจะเร่งขึ้นเป็น 7 พันลบ. ปลายปีน้ี ยังคงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 2.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) หุ้น IPO ใหม่ HL เป็น Chain ร้านขายยาบริษัทแรกในตลาดฯ ปัจจุบันมีเพียง 25 สาขา ทำให้ยังเติบโตได้อีกมาก และยากสำหรับการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ เพราะมีกฎระเบียบเข้มงวดในทุกการดำเนินงาน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย จุดแข็งคือเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต และไม่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ทำให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพ เราคาดกำไรสุทธิปี 2021-2023 จะเติบโตสูงถึง +36%CAGR และประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ท่ี 15 บาท (Finansia เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 203.72 จุด หรือ0.56% ปิดที่ 36,327.95 จุด หลังเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 450,000 ตำแหน่งจาก 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. รวมถึงอัตราการว่างานปรับลงสู่เป็น 4.6% ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 4.7% จาก 4.8% ในเดือนก.ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเดินทางของยุโรป หลังมีข่าวความคืบหน้าของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ในการทดลองยารักษา COVID-19 ซึ่งลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงลงได้ 89%

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดท่ี 81.27บาร์เรล ท่ามกลางอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวหลังจากที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 23.3 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดท่ี 1,816.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดีกว่าคาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.41 / +-

- Advertisement -