CPW ประกาศผลงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ โกยรายได้รวม 2,704.41 ล้านบาท โตกว่า 34% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 35.41 ล้านบาท พุ่งแรง 121% ส่วนไตรมาส 3/64 กวาดรายได้รวม 721.04 ล้านบาท โต 13% กำไรสุทธิ 3.47 ล้านบาท แม้ต้องรับมือสถานการณ์โควิดระบาดรุนแรง แต่ยังคงความสามารถในการทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยสินค้ากลุ่ม Apple ยังเป็นพระเอก สัดส่วนรายได้จากการขายอยู่ที่ 80% เผยปัจจุบัน CPW มีสาขาภายใต้การบริหารแล้ว 102 สาขา รวมทั้งมีช่องทางออนไลน์ที่มียอดเติบโตแรงกว่า 272% โค้งสุดท้ายของปีพีครับไฮซีซั่น หนุนเป้าหมายรายได้ปีนี้โตมากกว่า 20%

 

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการงวดประจำ 9 เดือน ปี 2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,704.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 690.80 ล้านบาท คิดเป็น 34.31% และมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 35.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 19 ล้านบาท นับเป็นความสำเร็จในการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสะท้อนสินค้าเทคโนโลยีเติบโตอยู่ในกระแสความต้องการของผู้บริโภค

ส่วนผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 3/64 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 721.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 82.82 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.98% และมีกําไรสุทธิ 3.47ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 0.20 ล้านบาท คิดเป็น 6.12% สำหรับรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 714.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.48% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า Apple เป็นจำนวน 80.73% ของรายได้และบริการสุทธิ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 72.93% ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วน 36.56% ของรายได้จากการขายและบริการสุทธิ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 45.89% ทั้งนี้ รายได้จากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วน 21.18% ของรายได้จากการขายและบริการ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2.18% โดยบริษัทจะพยายามขยายการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้ สินค้ากลุ่ม Apple มีการเติบโตที่ดีขึ้น จากยอดขายกลุ่มคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต รวมทั้งกระแสการทำงานที่บ้าน (Work from Home) หรือการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ สนับสนุนความต้องการสินค้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น

ด้านผลการดำเนินงานทั้งปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่า 20% จากเดิมที่วางไว้ที่ 20% หลังจากบริษัทได้รับโอนกิจการ IBIZ Plus แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา จะเข้ามาสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางค้าส่งที่มีกลุ่มลูกค้าไม่ทับซ้อนกันกับบริษัท โคแอน จำกัด บริษัทย่อยของ CPW ที่จัดจำหน่ายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้กับร้านค้าปลีกแบรนด์ชั้นนำต่างๆ สอดรับวิสัยทัศน์การลงทุนต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

ขณะที่ในไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปี เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ได้อานิสงส์ iPhone 13 และสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย สนับสนุนให้ CPW มีสินค้าไฮไลท์กลุ่ม 5G เข้ามาเพิ่มฐานรายได้ให้แข็งแกร่ง จากสาขาและผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ต ซึ่งถือว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“กลุ่มบริษัทเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้าเทคโนโลยี ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของเมืองไทย หลังจากประกาศรับโอนกิจการและทรัพย์สินบางส่วนของบริษัท ไอบิส พลัส เน็ทเวอร์ค จำกัด (IBIZ Plus) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทได้รับโอนกิจการและทรัพย์สินบางส่วนของ IBIZ Plus เข้ามาในพอร์ตเรียบร้อยแล้ว ตามแผนการลงทุนขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย จากปัจจุบันบริษัทจําหน่ายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ Apple เพียงแบรนด์เดียว ผ่านช่องทางการจําหน่ายในร้าน Apple Brand Shop และร้าน .life (ดอทไลฟ์) ซึ่งมีรวมกันอยู่ที่ 46 สาขา ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด ทำให้ปัจจุบันมีสาขากว่า 102 สาขา สะท้อนโอกาสและตลาดที่ใหญ่ขึ้น

****************************

- Advertisement -