บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

GLOBAL POWER SYNERGY กำไรต่ำกว่าคาด … Surprise หยุดผลิตอีกครั้ง

Action

Trading (Maintain)

TP upside (downside) +8.3%

Close Nov 05, 2021 Price (THB) 78.50

12M Target (THB) 81.00

Previous Target (THB) 87.00

What’s new?

  • ประกาศงบ 3Q64 กำไรสุทธิ 1.9 พันล้านบาท (-19% QoQ, -27% YoY) ต่ำกว่าคาด 11%
  • แม้กำไรได้แรงหนุนจากไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และอุปสงค์ของลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ท่ีแข็งแกร่งท่ามกลางการแพร่ระบาดรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม กำไรลดลง QoQ และ YoY จากต้นทุนเชื้อเพลิงท่ีสูงขึ้น และการปิดซ่อมบำรุง นอกแผนของโรงไฟฟ้า GLOW Phase 5 และ GHECO-ONE (Surprise ลบต่อเราและตลาด)

Our View

  • แนวโน้มกำไร 4Q64 อ่อนตัวลง QoQ จากต้นทุนเชื้อเพลิง, Low season ของอุปสงค์ไฟฟ้า, และผ่านช่วงพีคของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี
  • ปรับลดกาไรปี 2564 – 2565 ลง 6-7% สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิง และการหยุดผลิตนอกแผนหลายคร้ัง
  • ปรับเพิ่ม Discount rate สะท้อนความถี่ปัญหาการผลิตในช่วงหลัง ราคาเหมาะสมใหม่ 81.00 บาท คาดระยะสั้นหุ้นจะถูกกดดันจากงบ 3Q ต่ำคาด, Surprise ลบการปิดซ่อมนอกแผน, แนวโน้ม 4Q64 อ่อนตัวลง

ประกาศงบ 3Q64 ต่ำกว่าคาด … ต้นทุนเชื้อเพลิงและปัญหาการผลิตกดดัน

ประกาศงบ 3Q64 กำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท (-19% QoQ, -27% YoY) ต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 11% หากหักรายการพิเศษซึ่งประกอบด้วย 1) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 72 ล้านบาท 2) ขาดทุนป้องกันความเสี่ยง 23 ล้านบาท 3) รายได้ค่าปรับความล่าช้าของการก่อสร้างโครงการ CUP-4 137 ล้านบาท 4) ค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการซื้อกิจการ GLOW 382 ล้านบาท กำไรปกติทำได้ 2.2 พันล้านบาท (-15% QoQ, -24% YoY) สาระสำคัญดังนี้ 1) ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่ในประเทศความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำจากลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ยังขยายตัวได้ดีทั้ง QoQ และ YoY (ยกเว้นไฟฟ้าที่ทรงตัว QoQ) 2) สามารถรับรู้ Synergy จากการบริหารงานร่วมกับ GLOW 432 ล้านบาท 3) ส่วนแบ่งกำไร 690 ล้านบาท (+33% QoQ, +8% YoY) จากไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวไม่สามารถชดเชยผลกระทบจาก 4) ต้นทุนถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY 5) ผลกระทบการหยุดผลิตนอกแผนของโรงไฟฟ้า GLOW Phase 5 และ GHECO-ONE 4 ร้อยล้านบาท 6) ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Avaada 31 ล้านบาทจากขาดทุน FX และ Hedging

ความถี่หยุดเดินเครื่องจักรนอกแผน สะท้อนความเสี่ยงจากปัญหาการผลิต

สำหรับ 3Q64 โรงไฟฟ้า GLOW Phase 5 ได้หยุดซ่อมบำรุงนอกแผนตั้งแต่ 14 ส.ค. (บริษัทฯ รายงานต่อ SET วันที่ 16 ก.ย.) โดยผู้บริหารแจ้งว่าส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้น 5 ล้านบาท/วัน โดยจะกลับมาผลิตได้อีกครั้งเดือน ก.พ. 2565 ทั้งนี้ในรอบ 1.5 ปีที่ผ่านโรงไฟฟ้าแห่งนี้ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน 3 ครั้ง นอกจากนี้ในรายงานงบ 3Q64 ระบุว่าวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาโรงไฟฟ้า GHECO-ONE หยุดเดินเครื่องจักรนอกแผน 28 วัน (กลับมาผลิตแล้ววันที่ 27 ก.ย.) ผลกระทบราว 2 ร้อยล้านบาท แม้บริษัทฯจะบริหารจัดการผลกระทบดังกล่าวด้วยการนำถ่านหินของโรงไฟฟ้านี้มาช่วยลดต้นทุนใน 4Q64 รวมทั้งมีประกันภัยรองรับทั้ง 2 เหตุการณ์ (มี Deductible ค่าเสียหายส่วนแรก) อย่างไรก็ตาม เรามองว่าความถี่การปิดซ่อมบำรุงนอกแผนจะส่งผลต่อ 1) ค่าใช้จ่ายประกันภัยในปีถัดไป 2) ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ Reliability ของการผลิต

ปรับประมาณการ-Valuation สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิง และการปิดซ่อมนอกแผน

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ลง 6-7% เป็น 8.0 พันล้านบาท (+7% YoY) และ 9.0 พันล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิง (ถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติ) ที่สูงขึ้น และผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน นอกจากนี้เราปรับเพิ่ม Discount rate WACC ขึ้นจาก 5.8% เป็น 6.0% สะท้อนความเสี่ยงในกระบวนการผลิต ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ใหม่ 81.00 บาท แม้ระยะยาวยังชอบ GPSC จากความน่าสนใจการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน, แบตเตอรี่, เทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่สอดคล้องกับเทรนด์ในอนาคต รวมทั้งเป็น Flagship ด้านไฟฟ้าของเครือ PTT อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นมองว่าหุ้นจะตอบรับเชิงลบจาก 1) ผลประกอบการ 3Q64 ต่ำกว่าคาด 2) Surprise ลบจากการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน และ 3) แนวโน้ม 4Q64 อ่อนตัวลง QoQ กดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น, Low Season ของอุปสงค์ไฟฟ้าในประเทศ, ไม่มีเงินปันผลจากราชบุรีพาวเวอร์, และผ่านช่วงพีคของโรงไฟฟ้าน้ำในประเทศลาว ทางพื้นฐานมองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน คงคำแนะนำ TRADING

- Advertisement -