GBS ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway รับอานิสงส์ผลทดลองการใช้ “แพ็กซ์โลวิด” ยาเม็ดรักษาโควิด-19 ของไฟเซอร์ ให้ประสิทธิภาพสูงถึง 90% และดีกว่า “โมลนูพิราเวียร์” ของเมอร์คที่มีประสิทธิภาพ 50% บวกยอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดลงต่อเนื่อง ประเมินกรอบดัชนีฯ ที่ 1600-1,650 จุด พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก หลังเปิดประเทศ ชู MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV, BA เด่น

 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เผยว่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway โดยมีแรงหนุนจากการผลการทดลองยาเม็ดต้านโควิด-19 “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ผลเกือบ 90% หรือสูงกว่ายา “โมลนูพิราเวียร์” ของเมอร์ค ที่มีประสิทธิภาพ 50% จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ทางไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศเตรียมมอบสิทธิบัตรการผลิตยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) เพื่อใช้สำหรับการรักษาโรคโควิด-19 ให้กับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยากจนได้สามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้รวดเร็วมากขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ทั้งน้ นักลงทุนยังติดตามการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ซึ่งภาพรวมเป็นที่ทราบกันดีว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลง และถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ หลายๆ ประเทศต้องมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง

ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม สูงกว่าคาดที่ 450,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ 4.6% ต่ำกว่าคาดที่ 4.7%  และการรายงานยอดส่งออกเดือนตุลาคมของจีนพุ่งขึ้น 27.1% แม้ชะลอจาก 28.1% ของเดือนกันยายน แต่สูงกว่าคาดที่ 24.5% และมียอดเกินดุลการค้า 8.454 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าเดือนกันยายน และมากกว่าคาด ขณะที่ยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ แตะ 4.075 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนกันยนยน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กดดันสงครามการค้า  จึงทำให้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1600-1,650 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในเดือนนี้ อาทิ ประชุม กนง. ครั้งที่ 7/2564 ส.อ.ท.ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ การประชุมครม.สัญจรที่ จ.กระบี่ สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/64 การประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 3/64 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก นำเข้า สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ด้านปัจจัยต่างประเทศ อาทิ อียูรายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายน สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนตุลาคม ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคม จีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคม สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคม สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนกันยายน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR,  AOT, AAV และ BA หลังจากเปิดประเทศได้เพียง 9 วัน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมสามารถรองรับลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เปิดกิจการตามปกติแล้ว 67% เพิ่มขึ้นจากที่เปิด 51% ในเดือนกันยายน จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ยังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากตลาดมีปัญหา supply shortages เป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ดังนั้น เมื่อตลาดรับข่าวการปรับลดวงเงิน QE ไปบ้างแล้ว ทองคำย่อตัวลงไม่มากนัก อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะถัดไป ซึ่งทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และสามารถป้องกันความเสี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่า ฝ่ายวิจัยคาดราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway up โดยประเมินกรอบในสัปดาห์นี้ 1,800-1,840 $/Oz แนะนำหาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้แนวรับ

*********************************

- Advertisement -