บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Bumrungrad Hospital (BH TB) ราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวแล้ว

ลดคำแนะนำเป็น ถือ คงราคาเป้าหมาย 160 บาท ชอบ MEGA มากกว่า

หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งมากกว่าดัชนี SET ประมาณ 6% ในเดือนที่ผ่านมาเราปรับลดคำแนะนำ BH เป็นถือ โดยยังคงราคาเป้าหมายไว้ ราคาหุ้นที่ขึ้นมาได้รับแรงหนุนจากการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนในฐานะผู้รับผลประโยชน์หลัก โดยมีสัดส่วนรายได้ปกติ 2 ใน 3 จากผู้ป่วยต่างประเทศ เราชอบ MEGA (MEGA, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 55 บาท) เนื่องจากราคาไม่แพงที่ 23 เท่า พีอีปี 65 และมีการเติบโตในระยะยาวที่ดีกว่า

แม้ว่าการฟื้นตัวในปี 65 (กำไรหลักเพิ่มขึ้น 167% YoY) อาจมีนัยสำคัญ แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยนี้แล้ว และกำไรของ BH อาจไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 จนกว่าจะถึงปี 66 ทั้งนี้ หุ้น BH ซื้อขายที่ PE ปี 65 ที่ 55.6 เท่า ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลของไทยที่เราศึกษาในระยะยาว การเติบโตของรายได้และกำไรของ BH อาจถูกจำกัด เนื่องจากการดำเนินงานในสถานที่แห่งเดียว และอาจจำกัดราคาหุ้นขึ้นเมื่อข่าวดีจากการเปิดประเทศซาลง และนักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว เราจึงคาดการณ์การเติบโตระยะยาวของ BH ที่ 2%  ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลที่เราศึกษา

กำไรหลักไตรมาส 3/64 ดีกว่าคาดจากอัตรากำไร EBITDA ที่ดีขึ้น

ในไตรมาส 3/64 BH รายงานกำไรหลัก 298 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 41% QoQ และ 38% YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้ผู้ป่วยในประเทศที่ดีขึ้น (+3.7% YoY) ซึ่งถูกชดเชยด้วยรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศที่ลดลง (-3.7% YoY) เนื่องจากการปิดประเทศไม่รับผู้ป่วยต่างชาติ (ยกเว้นผู้ที่อยู่ในภาวะวิกฤต) ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน-7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เนื่องจากการขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ แม้ว่ารายได้ค่อนข้างทรงตัว (-3% QoQ และ 1% YoY) ที่ 2.8 พันล้านบาท EBITDA Margin เพิ่มขึ้น 3ppt QoQ และ 4ppt YoY เป็น 22% อาจเป็นเพราะรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ Covid ที่ทำกำไรได้มากขึ้นในไตรมาสนี้

คาดว่าจะฟื้นตัวต่อในไตรมาส 4/64 จากการเปิดประเทศ

จากมาตรการควบคุมของรัฐบาลที่สิ้นสุดในวันที่ 7 ตุลาคม และเริ่มเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน เราเชื่อว่ากำไรหลักของ BH จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ 167% YoY (เป็น 22 พันล้านบาท) ในปี 65 และเพิ่มขึ้น 81% (เป็น 4 พันล้านบาท) ในปี 66 ซึ่งมากกว่ากำไรช่วงก่อนโควิด-19 เล็กน้อย ในฐานะผู้รับประโยชน์หลักจากการเปิดประเทศ เราเชื่อว่าราคาหุ้นของ BH อาจทําได้ดีกว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า แต่จะทรงตัวหลังจากนั้น และการประเมินมูลค่าจะกลับไปสู่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ผู้ป่วยต่างประเทศกลับมาช้า

เราใช้วิธี DCF, WACC 6.3%, การเติบโต 2% ประเมินราคาเป้าหมาย แม้ว่าเราจะชอบที่ BH มุ่งเน้นบริการด้านสุขภาพระดับพรีเมียม แต่เรารู้สึกว่ากลุ่มนี้อาจมีการเติบโตที่จำกัด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ระดับพรีเมียมจำนวนจำกัด เรามองว่าราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากการเปิดประเทศแล้ว ความเสี่ยงหลักอยู่ที่การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวทางการแพทย์ซึ่งอาจช้ากว่าที่คาด เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว เช่น โควิดที่เพิ่มสูงขึ้น หรือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

- Advertisement -