บล.ทรีนีตี้:

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป – TU กำไร 3Q64 อ่อนตัวใกล้เคียงคาด

  • กำไร 3Q64 อยู่ที่ 1,937 ล้านบาท อ่อนตัว 17% QoQ และ 6% YoY ใกล้เคียงคาด
  • อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวแม้แนวโน้มธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจะดีขึ้น แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานชั่วคราว
  • ด้านส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster อ่อนตัวเล็กน้อยจากการเปิดสาขาเต็มรูปแบบ บวกกับค่าจ้างพนักงานที่สูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
  • ต้นทุนค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นปัจจัยกดดันใน 4Q64 แต่การทำ IPO ของ TFM อาจมีกำไรพิเศษมาช่วยหนุน
  • แผนการเพิ่มสัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงในระยะยาวยังช่วยหนุนการเติบโต คงราคาเป้าหมาย 27 บาท และคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 3Q64 อ่อนตัวใกล้เคียงคาด

TU ประกาศกำไร 3Q64 ที่ 1,937 ล้านบาท อ่อนตัว 17% QoQ และ 6% YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยยอดขายรวมอ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 1% QoQ แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 19% ใน 2Q64 มาอยู่ที่ 18% โดยอัตรากำไรขั้นต้นของอาหารทะเลกระป๋องยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตรากำไรขั้นต้นอาหารทะเลแช่แข็งปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของธุรกิจในสหรัฐและเอเชีย อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของอาหารสัตว์เลี้ยงอ่อนตัวลงจากการปิดโรงงานชั่วคราว และต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมแม้ยังขาดทุน แต่ปรับตัวดีขึ้นจาก 2Q64 โดยมีปัจจัยกดดันจากธุรกิจ Avanti Feed ในอินเดียที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดในประเทศ และธุรกิจของ Red Lobster ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าพนักงานที่สูงขึ้นหลังมีการเปิดสาขาเต็มรูปแบบ ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายเพิ่มขึ้น จากผลกระทบของต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดัน ทั้งนี้ในไตรมาสนี้ บริษัทได้รับเงินประกันภัยอัคคีภัยเข้ามาราว 63 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการดังกล่าว กำไรปกติจะอยู่ที่ 1,874 ล้านบาทอ่อนตัว 23% QoQ และ 17% YoY

มีปัจจัยกดดันใน 4Q64 แต่อาจมีกำไรพิเศษมาช่วยหนุน

สำหรับแนวโน้ม 4Q64 เราคาดว่าธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจะปรับตัวดีต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของตลาดในสหรัฐและเอเชีย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะฟื้นตัวได้บ้าง หลังไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานเช่นใน 3Q64 อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันคือต้นทุนค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และ Red Lobster จะเข้าช่วง Low Season ด้วย แต่การทำ IPO ของ TFM ซึ่งคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาราว 200 ล้านบาท เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้คาด 4Q64 กำไรอาจทรงตัว QoQ ได้ ขณะที่แผนธุรกิจที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงจากการลงทุนในนวัตกรรมนั้น จะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาวได้ คงราคาเป้าหมาย 27 บาท เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 27 บาท อิง PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 17 เท่า แม้แนวโน้มกำไร 3Q64 อาจอ่อนตัวลงบ้าง แต่อาจเห็นกำไรพิเศษมาช่วยหนุนใน 4Q64 และแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวยังดี จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: ผลกระทบจาก COVID-19 ต่อบางธุรกิจของบริษัท

- Advertisement -