MTC เผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 11,785 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,844 ล้านบาท พร้อมโชว์พอร์ตสินเชื่อไตรมาส 3/64 แตะ 85,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากการปล่อยสินเชื่อยังขยายตัวได้ดีทุกประเภท รวมทั้งจำนวนสาขาเปิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานให้ปรับตัวดีขึ้น ระบุโค้งสุดท้ายปีนี้ เดินหน้าปล่อยกู้เต็มสปีด สภาพคล่องเต็มมือหลังออกหุ้นกู้  4,500 ล้านบาท ขายหมดเกลี้ยง มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปีนี้โตได้ตามเป้าหมาย 25-30% พร้อมลุยเปิดสาขาให้มีจำนวน 7,000 สาขา ภายใน 3 ปี หนุนอนาคตโตยั่งยืน

 

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 11,785 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,844 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3/64 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,032 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,201 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อยังคงเติบโตได้มากขึ้น โดยมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 85,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,000 ล้านบาท หรือ 27% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะเดียวกัน บริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยจนถึงเดือนกันยายน บริษัทมีสาขารวม 5,665 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ

“ภาพรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ดี และทำให้มั่นใจว่า เป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อปีนี้เป็น 25-30 % จากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ลูกค้ามีความจำเป็นต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อผ่านการขยายสาขาอีกไม่น้อยกว่า 700 สาขาต่อปี โดยตั้งเป้าหมายมีสาขามากกว่า 7,000 สาขาภายใน 3 ปี สำหรับเป้าหมายการเติบโตนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการนำหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ โดยต้องการให้ประชาชนมีโอกาสที่เข้าถึงสินเชื่อที่สะดวกและเป็นธรรม พร้อมดำเนินการธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกับชุมชนร่วมกันได้อย่างยั่งยืน” นายชูชาติ กล่าว

ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเต็มที่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น วงเงิน 4,500 ล้านบาท ผลตอบรับดีเยี่ยม โดยสามารถจำหน่ายได้ทั้งจำนวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในฐานะผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยบริษัทจะทำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และขยายธุรกิจ

อนึ่ง หุ้นกู้ที่เสนอขาย ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน อัตราผลตอบแทน 3.13% ต่อปี  หุ้นกู้อายุ 3 ปี 11 เดือน 26 วัน อัตราผลตอบแทน 3.45% ต่อปี  และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 25 วัน อัตราผลตอบแทน 3.70% ต่อปี ซึ่งได้เสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่4-5 และ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+  แนวโน้ม คงที่ โดยทริสเรทติ้ง

*******************************

- Advertisement -