บอร์ด IP อนุมัติตั้งบริษัทย่อย “อินเตอร์ ฟาร์มาซี” เข้าซื้อหุ้น “ดรัก แคร์” ผู้นำธุรกิจร้านขายยา 88.67% มูลค่า 311 ล้านบาท ขยายช่องทางจำหน่าย คาดปิดดีลได้ช่วงไตรมาส 1/65 พร้อมโชว์ผลงานงวด 9 เดือนแรก กำไรสุทธิเพิ่มต่อเนื่องโต 35% แตะ 72 ล้านบาท รายได้รวมเติบโตกว่า 100% แตะ 624 ล้านบาท รับอานิสงค์โควิด กระตุ้นผู้บริโภคหันดูแลสุขภาพ ดันยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัยพุ่งทะลุ 239 ล้านบาท มั่นใจภาพรวมรายได้ทั้งปีนี้โตโดดเด่นแตะ 850-900 ล้านบาท

 

ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติจัดตั้งบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาซี จำกัด (บริษัทย่อย) ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เพื่อขยายช่องทางธุรกิจ เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกำไรของบริษัท

ทั้งนี้ ได้อนุมัติให้บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาซี จำกัด เข้าซื้อหุ้นจำนวน 88.67% ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว มูลค่าราว 311 ล้านบาท ของบริษัท ดรัก แคร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ LAB PHARMACY ซึ่งประกอบธุรกิจมายาวนานถึง 29 ปี มีสาขากระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 20 สาขา เบื้องต้นบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และขอสินเชื่อบางส่วนจากสถาบันการเงิน คาดชำระเงินและโอนหุ้นทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 1/65

“ดีลการเข้าหุ้นดรัก แคร์ ครั้งนี้ เป็นอีกย่างก้าวในการขยายธุรกิจเข้าสู่การจำหน่ายเวชภัณฑ์ (ยา) สำหรับคน และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ต่อจิ๊กซอว์การดำเนินธุรกิจให้มีความครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อผลักดันยอดขายและกำไรเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง” ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตเกือบ 35% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 72 ล้านบาท รายได้รวมเติบโตกว่า 100% ที่ 624 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัยที่ยังคงเติบโตโดดเด่นกว่า 76% ที่ 239 ล้านบาท หลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กระตุ้นผู้บริโภคหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง เติบโตดีต่อเนื่องกว่า 54% แตะ 179 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ เติบโต 155% ที่ 58 ล้านบาท นอกจากนี้ กลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรคยังเติบโตที่ 113 ล้านบาท จากยอดขายผลิตภัณฑ์หลักของของบริษัท โมเดิร์น ฟาร์มา จำกัด (บริษัทย่อย) และการผลิตยาเชิงพาณิชย์ให้กับทางเทวา อิสราเอล (สัญญารับจ้างผลิต 3-5 ปีแล้วแต่ตัวผลิตภัณฑ์)

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 189 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนขายที่ขยับตามการเติบโตของยอดขาย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 45.37% และอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 11.57% ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเร่งปรับปรุงคุณภาพด้านต่างๆ ของผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรค และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกจำหน่าย เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น มั่นใจภาพรวมรายได้ทั้งปี 2564 เติบโตโดดเด่นตามเป้าหมาย 850-900 ล้านบาท

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้รับการประเมินในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือระดับ 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2564 ZCGR) จากบริษัทจดทะเบียน ปี 2564 จำนวน 716 บริษัท สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เจริญเติบโตบนพื้นฐานของธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงคำถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเป็นสำคัญ

*************************************

- Advertisement -