บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Bangkok Sheet Metal Plc.

ธุรกิจเดิมยังแจ่ม ปีหน้าบุกรถสามล้อ EV ขยายฐานกำไร

  • ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยมีลูกค้าหลัก Kubota และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
  • กำไร 1H64 เติบโต 4 เท่าตัว จากผลบวกราคาเหล็กเพิ่มขึ้น ตุนสต๊อกเหล็กมาก และเงินบาทอ่อนค่า
  • ยอดขาย 3Q64 ไม่โตเพราะผลกระทบปิดแคมป์ก่อสร้าง และสินค้าส่งออกถูกเลื่อน แต่คาดกำไรทรงตัว YoY ได้และเพิ่มขึ้น 35% QoQ
  • Backlog ที่มีสูงเกิน 1 พันล้านบาท บวกกับลูกค้ากลุ่มรับเหมาทำงานตามปกติแล้ว หนุนกำไร 4Q64 สร้างสถิติสูงสุดหนุนกำไรปีนี้เติบโต 124% และปีหน้าเติบโต 21% ทั้งจาก Backlog เดิม และเปิดตัวรถสามล้อ EV
  • ราคาเป้าหมายปี 65 อิงวิธี GGM อยู่ที่ 6.30 บาท upside 35.8% Div.Yield สูงเฉลี่ย 4% ซื้อลงทุน

ประเด็นการลงทุน

  • ผู้ผลิตและจําหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก 6 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย (1) รางและท่อร้อยสายไฟฟ้า (2) ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า และโลหะ (3) ตู้ควบคุมไฟฟ้าและโคมไฟฟ้า (4) โลหะเชื่อมประกอบ (5) แม่พิมพ์โลหะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ และ (6) ชิ้นส่วนโลหะโดยวัตถุดิบเหล็กสั่งซื้อภายในประเทศ โดยรายได้หลักแบ่งตามกลุ่มลูกค้ามี 2 ประเภทคือ 1) กลุ่มบริษัทซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิตในประเทศ ลูกค้าหลักที่สำคัญคือ Kubota และคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนราว 60% และ 2) กลุ่มลูกค้าบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีสัดส่วนราว 40% ทั้งนี้ หากแบ่งตามสัดส่วนลูกค้าในไทยและส่งออกแบ่งเป็น 80% และ 20%
  • กำไร 1H64 เติบโต 4 เท่าตัว YoY จากผลบวกราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ตุนสต๊อกเหล็กราคาต่ำไว้มาก และเงินบาทอ่อนค่า โดยปกติจะสั่งซื้อเหล็กล่วงหน้า 3 เดือนให้ตรงตามยอดคำสั่ง ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากราคาเหล็กผันผวน  แต่ปีนี้บริษัทมั่นใจว่าราคาเหล็กมีแนวโน้มขาขึ้น จึงมีการส่งตุนเหล็กล่วงหน้าครอบคลุมการใช้ถึงสิ้นปีแล้ว ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะยอดขายงวด 1H64 เพิ่มขึ้นถึง 37% ส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับขึ้นราคาขายให้สอดคล้องกับราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นและสินค้าส่งออก ซึ่งมียอดสั่งซื้อเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ ยังได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าเป็นผลให้กำไร 1H64 เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว YoY มาอยู่ที่ 37 ล้านบาท
  • ยอดขาย 3Q64 ไม่โต เพราะผลกระทบปิดแคมป์ก่อสร้างและสินค้าส่งออกถูกเลื่อน แต่คาดกำไรทรงตัว YoY ได้และเพิ่มขึ้น 35% QoQ คาดการณ์ยอดขายในงวด 3Q64 ลดลง 8% YoY และ 11% QoQ เหตุผลหลักลูกค้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างต้องหยุดทำงานกว่า 1 เดือน จากผลกระทบโควิด -19 ทำให้ภาครัฐควบคุมให้ปิดแคมป์คนงานก่อนสร้างชั่วคราว ขณะลูกค้าส่งออกเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งขอเลื่อนการส่งมอบสินค้าส่วนใหญ่ออกไป เพราะปัญหาเรือตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทำให้ค่าขนสินค้าพุ่งสูงขึ้นมาก แต่อัตรากำไรขั้นต้นงวด 3Q64 เพิ่มขึ้นมากจากการที่ Kubota และลูกค้าส่งออก เริ่มอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาครั้งล่าสุดตั้งแต่ต้นงวด 3Q64 หลังจากที่ได้ทำเรื่องขออนุมัติปรับขึ้นราคามาก่อนหน้ามานานพอสมควรแล้ว
  • Backlog ที่มีสูงเกิน 1 พันล้านบาทบวกกับลูกค้ากลุ่มรับเหมาทำงานตามปกติแล้ว หนุนกำไร 4Q64 สร้างสถิติสูงสุด โดยประเมินยอดขายทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้นเป็น 30% QoQ แม้ลูกค้าส่งออกยังชะลอการการรับสินค้าส่วนใหญ่ออกไปปีหน้าแทนจากค่าขนส่งทางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังสูงกว่าปกติอยู่ ขณะอัตรากำไรขั้นต้นยังดีต่อเนื่องจาก 3Q64 เพราะการปรับขึ้นราคาลูกค้า 2 กลุ่มในงวด 3Q64 ขณะสต๊อกเหล็กราคายังเพียงพอรองรับงวด 4Q64 คาดจะหนุนให้กำไรงวด 4Q64 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ และช่วยให้กำไรปีนี้อยู่ที่ 115 ล้านบาท เติบโต 124% จากปีก่อนหน้า ขณะคาดกำไรปีหน้าจะเติบโตต่อเนื่องอีก 21% จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือ และคำสั่งซื้อใหม่ รวมถึงสินค้าตัวใหม่รถสามล้อ EV ซึ่งมีทั้งแบบบรรทุกคนและแบบท้ายกระบะ ซึ่งในช่วงปีก่อนได้นำล่องขายให้แก่บริษัท เนสเลย์ราว 10 คันปีนี้อีกราว 15 คัน ซึ่งจำนวน 10 คันปีนี้ กำลังยื่นขอจดทะเบียนเป็นรถสามล้อส่วนบุคคลอยู่ คาดจะได้รับอนุมัติในสิ้นเดือนนี้ หลังจากอนุมัติทางบริษัทจะเปิดตัวรถสามล้อ EV อย่างเป็นทางการ และนำเสนอขายแก่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากเล็งเห็นประโยชน์จากการใช้รถสามล้อ EV ช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และลดปัญหามลพิษและเพิ่ม ESG ให้แก่องค์กรเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยราคาขายรถสามล้อดังกล่าวอยู่ที่เพียงคันละ 2.5 แสนบาท และมีอัตรากำไรสุทธิสูงราว 25% ซึ่งเราประเมินว่าในปี 2555 จะขายได้ราว 100 คัน ช่วยหนุนการเติบโตยอดขายและช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวได้
  • บริษัทยังมี Project ใหม่ๆ ช่วยหนุนกํารเติบโตในระยะยาว อาทิ Project Automation วางระบบและติดตั้งแขนสมองกลช่วยหยิบจับ หรือประกอบชิ้นส่วนต่างๆแทนคน ซึ่งจะนำเสนอขายให้แก่ลูกค้าโรงงาน SME ต่างๆ ซึ่งคาดจะสร้างรายได้ตั้งแต่งวด 2Q65 นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะเฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่ขาย ให้แก่ ลูกค้ากลุ่มส่งออก ซึ่งจะแล้วเสร็จในปีหน้าโดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเขต Free Zone 25 ไร่ เป็นพื้นที่โรงงานปัจจุบัน 8 ไร่ อีก 6 ไร่ เป็นพื้นที่สร้างโรงงานใหม่ คาดจะเปิดดำเนินงานใน 3Q65 ส่วนอีก 11 ไร่ กำลังเจรจากับพันธมิตรต่างชาติร่วมทุนทำธุรกิจเพิ่มเติม 6 ไร่ ส่วนอีก 5 ไร่ อาจทำธุรกิจเพิ่มหรือให้ต่างชาติมาเช่า ที่ดินทำธุรกิจ

คำแนะนำ

  • ประเมินมูลค่าด้วยวิธี GGM กำหนด ROE 15.7% Long-term Growth ที่ 6% Dividend Payout Ratio ที่ 50% Cost of Equity ที่ 8% ได้ 4.08 เท่าของ BV65F ได้ราคาเป้าหมายปี 2565 ท่ี 6.30 บาท upside 35.8% อีกทั้งคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงเฉลี่ย 4% แนะนำ ซื้อลงทุน

ปัจจัยเสี่ยง

  • โครงการใหม่อาจมีการเปิดล่าช้ากว่าคาด หรือแผนโครงการใหม่ๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
  • ราคาเหล็กและอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลกมีความผันผวนหนัก ทั้งนี้บริษัทมีการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ขึ้นลง ตามราคาเหล็ก และอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในกรณีท่ีราคาเหล็กและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนอย่างหนัก จะทำให้การปรับราคาผลิตภัณฑ์ไม่ทันกับราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงไป
- Advertisement -