SA ขยายไลน์ธุรกิจ รุกกสู่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ จัดตั้งบริษัทย่อย “ไซมิส แอสเทท แอนด์ เวลธ์ แมเนจเมนท์” พร้อมจับมือพันธมิตร ร่วมทุนกับ “อินฟินิธ เวลธ์ เอ็นเทอไพรส์” พร้อมใช้ประสบการณ์ในวงการอสังหาฯ วางงบซื้อ NPA-NPL มาบริหาร มูลค่า  200 ล้านบาท เชื่อมั่นได้ Asset ชิ้นงาม ต้นทุนต่ำ นำสินทรัพย์มาบริหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้ารับรู้รายได้ประมาณ 300 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนผลงานโดดเด่น

 

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท ไซมิส แอสเทท แอนด์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด (SAM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดย SA ถือหุ้นหลักจำนวน 999,997 หุ้น

ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไซมิส แอสเทท แอนด์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ให้แก่ บริษัท อินฟินิธ เวลธ์ เอ็นเทอไพรส์ จำกัด  เพื่อร่วมทุนกันประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เช่น การรับซื้อ โอน หรือประมูลสินทรัพย์เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไป ตลอดจนรับเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกหนี้ สถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“SA จัดตั้งบริษัทดังกล่าว เพื่อจะรุกขยายไปธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC ตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้  คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตฯ เพื่อประกอบธุรกิจประมาณช่วงต้นปี 2565 และหากกระบวนการต่างๆ แล้วเสร็จ บริษัทมีความพร้อมสามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันที โดยตั้งงบลงทุนซื้อสินทรัพย์ NPL และ NPA เข้ามาบริหารจัดการไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จากการประมูลซื้อจากสถาบันการเงินต่างๆ และการขายทอดตลาดที่กรมบังคับคดี พร้อมตั้งเป้าหมายการรับรู้รายได้มากกว่า 300 ล้านบาทในปี 2565” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ มั่นใจว่า ธุรกิจ AMC จะสามารถสร้างรายได้และกำไรในอัตราผลตอบแทนที่สูง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของบริษัทให้แข็งแกร่งในอนาคต เนื่องด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษด้านงานอสังหาฯ ที่มีมากว่า 30ปี ทำให้บริษัทสามารถคัดเลือกและซื้อสินทรัพย์ที่ต้นทุนต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงให้กลับมามีสภาพที่ดียิ่งกว่าเดิมพร้อมสำหรับการขายหรือให้เช่าต่อไป โดยคาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ 40%

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 552.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 31.5 ล้านบาท ผลจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จากโครงการ รามาดา เรสซิเดนซ์  สุขุมวิท 87, โครงการ รามาดา พลาซา เรสซิเดนซ์  สุขุมวิท 48, โครงการ วินแดม การ์เด้น เรสซิเดนซ์  สุขุมวิท 42 และโครงการ บลอสซั่ม คอนโด แอท แฟชั่น บียอนน์  รัชดา-รามอินทรา เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน บริษัทมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการ อาทิ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) การบริหารงานนิติบุคคล และรายได้จากการประกอบธุรกิจโรงแรม Q-Box Hotel Bangkok Blossom รวมเป็นรายได้จากงานการให้บริการทั้งสิ้น 26.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.9% ของรายได้รวม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 14.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 121%

***************************

- Advertisement -