ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัว Sideways ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงเหลือ 6.8 หมื่นลบ. โดยดัชนีปิดลบเล็กน้อย 1.22 จุด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นฝั่งละ 1.6 พันลบ. (ส่วนสถานะใน Index Futures ไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบระดับ 1,620-1,625 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯที่กดดัน โดยตัวเลขเดือน ต.ค. ออกมา +0.9% M-M, +6.2% Y-Y สูงกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่าเร็ว และ Bond Yield พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง สะท้อนถึงมุมมองตลาดที่กลับมากังวลว่า FED อาจจําเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในช่วง 2H22 กดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้อ่อนตัวอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศโดยรวมผลประกอบการ 3Q21 ของบริษัทจดทะเบียนเท่าที่ประกาศออกมายังค่อนข้างกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่แข็งแรงกว่าคาดชัดเจนมีเพียงกลุ่มการแพทย์และขนส่งตามสถานการณ์ COVID-19 โดยต้องมองข้ามไปยังการฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป หลังจากกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศร ะยะสั้นยังเน้นเลือกเก็งกําไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง ส่วนจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,600 +- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่มสําหรับกลุ่ม Value และ Reopening Play โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น อสังหาฯ รับเหมาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว

กลยุทธ์: เก็งกําไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: DITTO

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 21 บาท
  • เราคาดผลการดำเนินงานเข้าสู่ช่วงเติบโตใน 2H21 โดยระยะสั้นคาดกําไร 3Q21 +26% Q-Q ตามการรับรู้รายได้และปริมาณงานในมือที่สูงขึ้น โดย Backlog ที่มีกว่า 650 ลบ.
  • โมเมนตัม 4Q21 คาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และระยะยาวเติบโตตามเทรนด์ Digital Transformation และ Paperless เรา EPS ปี 2021 +10% Y-Y และเร่งขึ้นเป็น +35% Y-Y ในปี 2022
  • แนวรับ 16.50 // 16.20 บาท แนวต้าน 17-17.20 // 17.60 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$ 215 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$ 217 ล้าน แต่ไหลเข้าไต้หวันต่อเนื่องอีก US$ 54 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนผสมผสาน โดยไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ไหลออกจากไทยและเวียดนาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าอยู่ในทิศทางไหลออกหลัง Dollar Index แข็งค่าแรงจากเงินเฟ้อสหรัฐฯที่สูงกว่าคาด

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) KCE การประชุมโทนบวก คาดกำไร 4Q21 เร่งตัวขึ้นทำ New High และมั่นใจต่อการเติบโตในปี 2022 ที่เห็นคำสั่งซื้อแข็งแรง และอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามาใน 1Q22 ช่วยลดปัญหาผลิตไม่ทันเ รายังคงคาดกำไรปี 2021-2022 +120% Y-Y และ +35% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 100 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) IP กำไรสุทธิ 3Q21 น่าผิดหวังอีกไตรมาส +4% Q-Q, +39% Y-Y ทั้งที่รวมโรงงานใหม่เข้ามาต้น ส.ค. แต่ต้นทุนและรายจ่ายกลับสูงกว่าคาด เราปรับกำไรปี 2022-2023 ลงเหลือโตเฉลี่ยปีละ 22% ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 21 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(+) EKH กำไรสุทธิ 3Q21 +136% Q-Q, +880% Y-Y ดีกว่าเราตลาดคาด 30% จากรายได้ที่โตแรงกว่าคาด จากอานิสงส์ของ COVID-19 ที่รุนแรง ทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวจากปกติแนวโน้ม 4Q21 จะอ่อนตัว แต่คาดยังสูงกว่าระดับปกติ ส่วนลูกค้า IVF ชาวจีนคาดทยอยเริ่มกลับมาใช้บริการในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ประมาณการกำไรปี 2021 ปัจจุบันที่คาด +289% Y-Y มี Upside 14% ส่วนปี 2022 คาด -40% Y-Y จากฐานสูง คงราคาเป้าหมาย 9.40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SYNEX กำไร 3Q21 +8% QQ, +37% Y-Y ดีกว่าที่คาด 12% แม้ถูก Lockdown แต่กลับได้อานิสงส์จาก WFH และ LFM หนุนรายได้โตแกร่ง และ Margin ดี แนวโน้ม 4Q21 คาดเร่งตัวต่อเนื่องจาก High Season  เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2021-2022 เป็น +27% Y-Y และ +25% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 34 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) EPG กำไร 2Q22 (ก.ค. -ก.ย. 21) -7% Q-Q, +34% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด 11% จากทั้งรายได้ที่โตแข็งแกร่งในทุกธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Gross Margin ที่อยู่ในระดับสูง แนวโน้มกำไร 2H22 (ต.ค. 21- มี.ค. 22) คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศที่คลาย Lockdown ยังคงราคาเป้าหมาย 15.50 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 240.04 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 36,079.94 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หลังมีรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 6.2% Y-Y ในเดือนต.ค. เป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 1990 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 5.9% จาก 5.4% ในเดือนก.ย. รวมถึงการปรับลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เร่งขึ้น

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกหนุนจากบริษัทในกลุ่มสื่อและกลุ่มพลังงานเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมถึงการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสมโดยตลาดหุ้นโตเกียวปรับขึ้นจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อย่างไรก็ดี มีปัจจัยลบจากการปรับลงของตลาดหุ้นดาวโจนส์

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.81 ดอลลาร์หรือ 3.3% ปิดที่ 81.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 17.5 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1,848.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.41 / +-

- Advertisement -