ตลาดหุ้นวานนี้: 

SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways โดยปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 1.50 จุด โดยยังคงมีแรงเก็งกำไรเป็นรายตัวตามการประกาศผลประกอบการ 3Q21 สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 157 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 1.4 พันลบ. (และ Long Index Futures 7.4 พันสัญญา) 

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index โดยรวมยังคงอยู่ในช่วงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,630-1,640 จุด ตามบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศที่ยังผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม เราประเมินการปรับขึ้นจะยังไม่ร้อนแรงนัก โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้คือตัวเลข GDP 3Q21 ของไทย ซึ่งตาดคาด -2.5% Q-Q, -0.8% Y-Y โดยจะเป็นจุดต่ำสุด ก่อนทยอยฟื้นตัวใน 4Q21 ตามการ Reopening  ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน 3Q21 โดยรวมเท่าที่ประกาศออกมาแล้วค่อนไปในทางต่ำกว่าคาด และมีเพียงกลุ่มการแพทย์และขนส่งสินค้าที่ดีกว่าคาดอย่างชัดเจน ระยะสั้นยังเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และแนวโน้มยังกำไรแข็งแกร่งใน 4Q21-2022 ส่วนจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,600 +- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่มสำหรับกลุ่ม Value และ Reopening Play โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร อสังหาฯ รับเหมาฯ 

กลยุทธ์: เก็งกําไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play 

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE 

หุ้นเด่นวันนี้: NSL 

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท
  • กำไร 3Q21 -64% Q-Q, -51% Y-Y ดีกว่าคาด 9% เพราะถูกกระทบจากปัญหา Supply Chain ของลูกค้าทำให้สินค้าขาด Stock ใน 7-11 แค่มองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
  • แนวโน้ม 4Q21 จะฟื้นแรงตาม COVID-19 ที่คลี่คลาย และทำให้ลูกค้าเข้า 7-11 มากขึ้น เราคาดกําไรปี 2021 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y และคาดเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน
  • แนวรับ 18 บาท แนวต้าน 19-19.30 บาท

Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นเป็น US$ 758 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$ 550 ล้าน และ US$ 200 ล้าน ตามลำดับ จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าซื้อกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ส่วนตลาดอาเซียนกระแสเงินทุนเบาบาง แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แต่คาดยังกระจุกที่เอเชียตะวันออกลักษณะเดียวกับวันศุกร์ที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญวันนี้ 

(+) RBF กำไร 3Q21 +24% QQ, -5% Y-Y ฟื้นตัวตามคาด แม้ยังมีปัญหาเรื่อง Supply Chain และต้นทุนวัตถุดิบอยู่ แต่จะดีขึ้นต่อเนื่องใน 4Q21 ตาม COVID ที่คลี่คลาย และลูกค้ากลับมาออกสินค้าใหม่อีกครั้ง ส่วนธุรกิจกัญชงยังเดินตามแผนโดยและส่งมอบสารสกัดได้อย่างเร็วใน 1Q22 อยู่ระหว่างปลูกและได้ผลผลิตภายในเดือน ธ.ค. ยังคาดกำไรปี 2021-2022 +8% Y-Y และ +77% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 21 บาท แนะนํา “เก็งกำไร” 

(+) ORI กำไรปกติ 3Q21 -8% Q-Q, -16% Y-Y ตามคาด โดยเกิดจาก Margin ที่ชะลอและส่วนแบ่งกำไร JV ที่ลด อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองบวกต่อกำไร 4Q21 ที่จะเร่งขึ้นเด่นทั้ง Q-Q, Y-Y ทำจุดสูงสุดของปี ยังคงประมาณการกำไรปี 2021-2022 +14% Y-Y และ +28% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 14 บาท แนะนำ “ซื้อ” 

(+) WINMED กำไรปกติ 3Q21 +591% Q-Q, +63% Y-Y ฟื้นดีกว่าคาด หนุนจากเงินปันผลของ ProLab และรายได้ที่ทยอยฟื้นตัวแนวโน้ม 4Q21 คาดชะลอ Q-Q เพราะไม่มีเงินปันผล แต่การดำเนินงานหลักคาดฟื้นตัวตามการเปิดเมือง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโลหิต ยังคาดกําไรปี 2021-2022 +14% Y-Y และ + 97%Y-Y คงราคาเป้าหมาย 7.80 บาท แนะนำ “ซื้อ” 

(0) GULF กำไรสุทธิ +13% Q-Q, +64% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด 28% จาก FX Loss และต้นทุนทางการเงินครั้งเดียว แต่กำไรปกติ +64% Y-Y, +73% Y-Y แข็งแกร่งหนุนจากปันผลของ INTUCH และโรงไฟฟ้าที่แข็งแรงระยะยาว ยังมองบวกต่อ Synergy ที่จะเกิดขึ้นระหว่างธุรกิจไฟฟ้าและ ICT ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ คงราคาเป้าหมาย 56 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) 

(+) EA กำไร 3Q21 +36% Q-Q, +44% Y-Y ใกล้เคียงตลาดคาดหนุนจากโรงไฟฟ้าลมที่ดีขึ้น และไบโอดีเซลที่เร่งตัวและมีกำไรขายแบต และ e-Bus แนวโน้ม 4Q21 คาดเร่งตัวต่อเนื่อง และระยะยาวคาดกำไรปี 2022-2022 +19% Y-Y และ +14% Y-Y หนุนจากธุรกิจ S-Curve โดยเฉพาะด้านแบตเตอรี่ และ EV ยังคงราคาเป้าหมาย 76 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) (กรรมการผู้อำนวยการของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของ EA)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 179.08 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 36,100.31 จุด จากการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีร วมถึงราคาหุ้นของ J&J จากแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ 

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน  

(+) ตลาดเอเชีย ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นเปิดเผย GDP 3Q21 หดตัว 3% Y-Y มากกว่านักวิเคราะห์คาดกว่า -0.8% ขณะที่ติดตามจีนรายงานยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต. ค. ในเช้านี้ 

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.71 บาท / ดอลลาร์สหรัฐ 

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรลจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐอาจประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ 

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์หรือ 0.25% ปิดที่ระดับ 1,868.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.99 / +-

- Advertisement -