ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

บวกได้บ้าง แต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ปรับขึ้นได้บ้าง แต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด … หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้วหุ้นไทยยังคงเทรดไซด์เวย์ (ตามคาด) ทั้งนี้ตลาดการเงินโลกน่าจะรับรู้ประเด็นการลด QE ของฝั่งสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิมไปมากแล้ว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเฟดประกาศตารางการลด QE อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในวันนี้ (15 พ.ย. ) และจะทยอยลดลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านเหรียญฯ ขณะที่สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักเฟดอาจเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. ปี 2565 ซึ่งเท่ากับว่าตลาดรับรู้ไปแล้วว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยทันทีหลังเสร็จสิ้น QE tapering ในกลางปีหน้า … ด้านปัจจัยภายในประเทศเช้านี้ สภาพัฒน์ฯจะรายงาน GDP ไทยไตรมาส 3/2564 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ KGI คาดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% YoY ขณะที่ consensus คาดว่า GDP จะลดลง 0.8% YoY ในไตรมาสดังกล่าว ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 6,343 ราย เสียชีวิต 45 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 7,663 ราย … สำหรับในสัปดาห์นี้ (15-19 พ.ย.) ปัจจัยที่ต้องติดตามและน่าจะมีผลต่อตลาด ได้แก่ i) ทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ii) ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ต.ค. รายงานคืนวันที่ 16 พ.ย. เวลาไทย และ iii) การปรับประมาณการกำไรบจ. ไทยของนักวิเคราะห์หลังจากเสร็จสิ้นการรายงานทําไรไตรมาส 3/2564

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร MAJOR*, LEO, STEC*

  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.6 บาท / แนวต้าน 21.4-22 บาท (Stop loss 20.3 บาท) 2) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 = 1.82 พันล้านบาทตามคาด โดยมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF ขณะที่ประกาศจ่ายปันผล 1.0 บาท/หุ้น (XD 25 พ.ย.) คาดมีโอกาสที่จะเกิดแรงซื้อเก็งกำไรในลักษณะ “Short covering” 3) ฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และจะค่อยๆฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป 4) ประเมิน PBV ปี 2564 หลังรวมกำไรพิเศษแล้วเพียง 2.3 เท่า ต่ำกว่า 10 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 2.6 เท่า
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.6 บาท / แนวต้าน 12.6 13.2 บาท (Trailing stop 11.5 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 ยังทรงตัว QoQ + YoY แม้จะเป็น Low season ของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศผ่านเรือคอนเทนเนอร์ แต่คาดได้แรงหนุนจาก i) รายได้บางส่วนที่เลื่อนการรับรู้จาก 3Q64 มาที่ 4Q64 ซึ่งเป็นผลจากมาตรฐานทางบัญชี ii) การรับรู้รายได้จากการขนส่งสินค้า E-commerce จีน-ไทย (High season ของ E-commerce) จากการเป็นพันธมิตรกับ China post 3) ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (Shanghai containerized freight) สัปดาห์ล่าสุดเริ่มปรับขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่พักฐานตั้งแต่ต้น 4Q64 สะท้อน Demand ที่ยังแข็งแกร่ง
  • STEC* (เป้า Consensus 16.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.5 บาท / แนวต้าน 14.0-14.5 บาท (Stop loss 13.1 บาท) 2) ประเมิน Catalyst บวก i) ปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงานกำลังจะปลดล็อกหลังจากที่ประชุมศบค. กำหนดแนวทางนำเข้าแรงงานต่างด้าว ii) ประเมินงานประมูลโครงการภาครัฐฯ จะเริ่มกลับมาเร่งตัวในปีหน้า โดยล่าสุด รฟม. เตรียมเปิดขายซองประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้วงเงินรวม 7.8 หมื่นล้านบาทในเดือนพ.ย. นี้ 3) Consensus คาดกำไรปี 2565 โต +125% YoY เป็น 1.1 พันล้านบาท Forward PE คาดลดลงเป็น 18.7 เท่าจาก 36.7 เท่าในปีนี้

หุ้นมีข่าว

(+) BEC*-TIPH เซอร์ไพร์ส MSCI BAM*-RATCH* เหนียวไม่หลุด (ข่าวหุ้น) TIDLOR-BEC*-TIPH กอดคอเข้า MSCI Small Cap รอบนี้ ขณะที่ TKN หลุด ชี้ TIDLOR แลกการ์ด พร้อมเข้า SET50/100 รอบต้นปี 65 ด้าน BAM* และ RATCH* เด้ง หลังพลิกโผไม่หลุดจากดัชนี ขณะที่ MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักจาก 0.02% สู่ 1.64% จับตา FTSE แจ้งชื่อหุ้นเข้า/ออก 19 พ. ย. นี้

(+) ชี้ชะตายานแม่ “เอสซีบีเอกซ์” ลุ้นผู้ถือหุ้น “ไทยพาณิชย์” ไฟเขียววันนี้ (กรุงเทพธุรกิจ) ยกระดับสู่กลุ่มเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคภายในปี 2568 วันนี้ (15 พ.ย. 2564) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) เพื่อขออนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ซึ่งต้องได้รับอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้น ซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหลังจากเมื่อ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุมบอร์ดมีมติเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของกลุ่มไทยพาณิชย์ (SCB GROUP) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ยานแม่เทคคอมพานี” จนทําให้เกิดกระแส “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์”

(+) TQM* ปิดจ๊อบแตกพาร์ปีนี้ ต่อกำไร 905 ล. โต 29% (ข่าวหุ้น) TQM บอร์ดไฟเขียวแตกพาร์ตามคาดจากหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท หวังเพิ่มสภาพคล่องในตลาด ยันไม่กระทบสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิมพร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ “TQC” ขณะที่ Q3/64 กำไรสุทธิ 241.7 ล้านบาท โต 42.4% หนุน 9 เดือน กำไร 664 ล้านบาท โต 29.7% ด้านโบรกฯ คาด Q4 กำไรติดลมบนพุ่งต่อ คาดทั้งปรับ 905 ล้านบาท พุ่ง 29%

(+) ASIAN อาหารสัตว์โต ลูกค้าออเดอร์ไม่หยุดเล็งนำบ.ลูกเข้าตลาด (ทันหุ้น) ASIAN คงเป้ารายได้ปีนี้โต 10% และ 9,400 ล้านบาท ซูอาหาร Pet Food และ Frozen Food หนุน หลังความต้องการและกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว กลุ่มลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น พร้อมเล็งนำบริษัทลูก AAI เข้าตลาดในปีหน้า

(+) SABUY รุกนาโนไฟแนนซ์ควง FSMART ต่อยอดโต (ทันหุ้น) SABUY ยื่นขอใบอนุญาตธุรกิจการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และนาโนไฟแนนซ์หวังช่วยขยายช่องทางสร้างรายได้ในอนาคตคาดชัดเจนต้นปีหน้า ซุ่มเจรจาพาร์ตเนอร์รายใหม่เพื่อใช้แพลตฟอร์มและร่วมธุรกิจพร้อมวางหมากปีหน้าโตต่ออีกมากกว่า 50% จากปีนี้ หลังรุกขยายฐานต่อเนื่อง แถมล่าสุดร่วมทุน FSMART พลิกโฉมธุรกิจให้บริการช่องทางอัตโนมัติ

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • VGI* (เป้าพื้นฐาน 8.4 บาท) แนวรับ 7.0 บาท / แนวต้าน 7.2 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 6.8 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 15 บาท) แนวรับ 15.0 บาท / แนวต้าน 15.3-15.6 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 14.8 บาท)
  • PSH* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 13.6 บาท / แนวต้าน 14.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 13.4 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 62.5 บาท) แนวรับ 55.5 บาท / แนวต้าน 58 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 54.5 mm)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 70 บาท) แนวรับ 64.75 บาท / แนวต้าน 66.5-68 บาท (Trailing stop 64.5 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.4 บาท / แนวต้าน 3.5-3.6 บาท (Trailing stop 3.36 บาท)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน “Under review) แนวรับ 131 บาท / แนวต้าน 135-138 บาท (Trailing stop 130 บาท)
  • BTS* (เป้าพื้นฐาน 12.6 บาท) แนวรับ 9.55 บาท / แนวต้าน 9.8-10.0 บาท (Stop loss 9.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 33 บาท) แนวรับ 28 บาท / แนวต้าน 29.5-31.5 บาท (Stop loss 28 บาท)
  • BANPU* (เป้าพื้นฐาน 13 บาท) แนวรับ 10.8 บาท / แนวต้าน 11.3-11.6 บาท (Stop loss 10.5 บาท)
  • KTB* (เป้าพื้นฐาน 15.4 บาท) แนวรับ 11.7 บาท / แนวต้าน 12.0-12.4 บาท (Stop loss 11.5 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนวรับ 126 บาท / แนวต้าน 130-134 บาท (Stop loss 124 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • ORI* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 13.5 บาท รายงานกำไรจากการดำเนินงาน 3Q64 = 603 ล้านบาท (-16% YoY, ทรงตัว QoQ) ต่ำคาด -13% เป็นผลจากอัตรากำไรที่ต่ำกว่าคาด สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 คาดจะเติบโตจากโครงการคอนโดฯ ใหม่ 2 แห่งพร้อมโอน
  • GPSC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 94.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นกลาง มีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยปัจจัยบวก ได้แก่ เงินชดเชยจากประกัน (Glow Energy phase 5) แต่ปัจจัยลบก็คือต้นทุนก๊าซที่ปรับขึ้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงานในปี 2565 จะดีขึ้น YoY จากการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มที่อินเดีย และการ COD โครงการใหม่ๆ
  • BAM* แนะนำ “ซื้อ” เป็นพื้นฐาน 22 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 576 ล้านบาท (-27% QoQ, +93% YoY) ดีกว่าคาด +10% จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นบวก โดยคาดผลการดำเนินงานจะ (Cash collection) ดีขึ้นใน 4Q64 และ Upside จากการ JV กับธนาคารในการบริหารจัดการ NPL
  • VGI* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท รายงานผลขาดทุนสุทธิ -9 ล้านบาทใน 2Q64/65 (ก.ค.-ก.ย. ) และหากตัดรายการพิเศษออกไปจะขาดทุนจากการดำเนินงาน -101 ล้านบาท (ขาดทุนมากกว่าคาด) ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ปี 2564/65 (ปิดงบ มี.ค. ) ลง -20% สะท้อนการปรับลดประมาณการฯ KEX ไปก่อนหน้านี้ แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
  • SPRC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 11.4 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 113 ล้านบาท (-58% YoY, -85% QoQ) ดีกว่าคาด +57% แต่ต่ำกว่า Consensus คาด -56% คาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวชัดเจนใน 4Q64 ตามแนวโน้มค่าการกลั่น
  • SAWAD* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 81 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดมุมมองที่มีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ SAWAD ลง โดยปรับลดประมาณการฯ ปี 2564-65 ลง -1% และ -11% และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 81 บาท (เดิม 90 บาท) แต่ยังคงแนะนำ ซื้อ
  • HANA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 82 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 564 ล้านบาท (+76% YoY, +24% QoQ) กว่าคาด +39% แต่เป็นไปตาม Consensus คาด อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงแนะนำเพียง “ถือ” เพราะประเมิน Upside จำกัด แม้ว่าผลการดำเนินงาน 4Q64 จะดีต่อเนื่อง
  • MINT* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 42 บาท รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.4 พันล้านบาทใน 3Q64 ดีกว่าที่คาด โดยธุรกิจโรงแรมที่ยุโรปเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน
  • ERW*  แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 3.8 บาท รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน -623 ล้านบาท ใน 3Q64 เป็นไปตามคาด และคาดผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64
  • SPA แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 9 บาท รายงานผลขาดทุน 78 ล้านบาท (-42% YoY, +10% QoQ) ดีกว่าคาด จากการลดต้นทุนรายจ่ายได้ดี คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตั้งแต่ 4Q64
  • AMATA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 18.4 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 309 ล้านบาท (+15% YoY, +25% QoQ) ดีกว่า Consensus คาด +12% อย่างไรก็ดี Upside จำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ”
  • WHA* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 160 ล้านบาท (-63% YoY, -38% QoQ) ดีกว่า Consensus คาด +8% ยังแนะนำ “ซื้อ”
  • SMD แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 19 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 191 ล้านบาท (+1,635% YoY, +189% QoQ) ดีกว่าคาด +300% ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯ ขึ้นสะท้อนงบฯ ที่ดีกว่าคาด ยังคงแนะนํา “ซื้อ”
  • CBG* แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 102 บาท รายงานกำไร 3Q64 = 601 ล้านบาท (-38% QoQ and YoY) ต่ำคาด -8% ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 100 บาท (เดิม 106 บาท)

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์หลักทรัพย์ /2. เป้าพื้นฐานหมายถึงราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -