บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Stonehenge Inter Plc. คุมเข้มโควิดกดดันกำไร 3Q64 ก่อนทยอยฟื้นตัวดีขึ้น

  • กำไร 3Q64 -23.4% QoQ และ -21.9% YoY จากผลกระทบปิดแคมป์คนงานก่อสร้างชั่วคราวป้องกันโควิด
  • Backlog ที่มีอยู่ในมือราว 4 พันล้านบาท และงานก่อสร้างกลับมาสู่ปกติหนุนกำไร 4Q64 เติบโตได้อีกครั้ง
  • ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 อยู่ที่ 10.20 บาท ราคาปัจจุบันมี upside 29.9% D/P ราว 5% ยังมีลุ้น upside เพิ่มเติมจากดีลใหม่ในปีหน้า แนะนำซื้อลงทุน

ประเด็นการลงทุน

  • กำไร 3Q64 -23.4% QoQ และ -21.9% YoY จากผลกระทบปิดแคมป์คนงานก่อสร้างชั่วคราวป้องกันโควิด เป็นผลให้รายได้จากการให้บริการลดลง 11.8% YoY โดยรายได้จากการบริการและควบคุมงานก่อสร้างลดลง 6.1% YoY (ลดลง 24.3 ล้านบาท) จากการชะลอก่อสร้างในบางโครงการ ขณะรายได้จากการออกแบบสถาปัตยกรรมฯ ลดลง 35.7% YoY (ลดลง 33.3 ล้านบาท) เนื่องจากงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดประชุมสาธารณะหรืองานสำรวจโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการณ์ได้ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ โดยส่วนใหญ่เป็นงานของบ.ย่อย AEC ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 31.3% ในงวด 3Q63 เหลือ 26.9% เพราะไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มข้นทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 10.6% YoY
  • Backlog ที่มีอยู่ในมือราว 4 พันล้านบาท และงานก่อสร้างกลับมาสู่ปกติหนุนกำไร 4Q64 เติบโตได้อีกครั้ง ประเมินว่ารายได้งวด 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้นกว่า 3Q64 และใกล้เคียงกับ 4Q63 จากงานหลายโครงการเลื่อนมาส่งมอบในงวด 4Q64 และแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะยังมีแนวโน้มใกล้เคียงกับงวด 3Q64 และลดลงจากงวด 4Q63 เพราะรับรู้รายได้และต้นทุนตาม Percentage of Completion ซึ่งงานโครงการภาครัฐหลายโครงการใช้ระยะก่อสร้างนาน และส่งมอบนานกว่าเดิมราว 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม การคุมเข้มรายจ่าย SG&A ยังมีต่อเนื่องใน 4Q64 แม้ปกติ 4Q จะรายจ่ายสูงกว่าปกติ เพราะมี INCENTIVE ให้แก่พนักงานที่มีผลงานดีเด่น แต่ปีนี้รายจ่ายดังกล่าวจะลดน้อยลงตามไปด้วย จึงคาดกำไร 4Q64 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ทั้งนี้กำไรงวด 9M64 อยู่ที่ 103 ล้านบาท ลดลง 7.3% YoY และคิดเป็น 63% ของประมาณการกำไรทั้งปี ส่งผลให้ต้องปรับลดประมาณการกำไรปี 64-65 เฉลี่ยปีละ 19% ภายใต้ประมาณการใหม่กำไรปีนี้จะลดลงจากปีก่อน 4.2% แต่จะฟื้นตัวกลับมาเติบโตราว 11.3% ในปี 2565
  • ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 อิงวิธี GGM ที่ 3.4 เท่าของ BV65F ซึ่งอยู่ที่ 10.20 บาท โดยใช้กำหนด ROE ที่ 20% Long-term Growth (LTG) ที่ 3% ภายใต้ Dividend Payout Ratio 50% Cost of Equity 8%

คําแนะนํา

  • ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 29.9% และคาดผลตอบแทนเงินปันผลราว 5% และอยู่ระหว่างเจรจาหาซื้อกิจการเพิ่มเติม เพื่อขยายฐานรายได้และกำไร ถือเป็น upside gain เพิ่มเติม ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการ จึงยังคงคําแนะนํา ซื้อ

ปัจจัยเสี่ยง

  • ความล่าช้าของโครงการอาจทำให้การรับรู้รายได้ช้ากว่าคาด และหากเกิดมีการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่อีกครั้ง อาจส่งผลกระทบให้กำไรมีแนวโน้มต่ำกว่าประมาณการได้
- Advertisement -