ASW ประเมินภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 4/64 เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น หลังมีปัจจัยสนับสนุนรอบด้าน ทั้งการเปิดประเทศ การปลดล็อกมาตรการ LTV รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยหนุนกำลังซื้อฟื้นตัว พร้อมเปิดแผนธุรกิจโค้งสุดท้ายปีนี้ เดินหน้าเปิดโครงการต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมรองรับแผนพัฒนาธุรกิจปี 65  มุ่งปั๊มยอด Backlog เพิ่มจาก 7,600 ล้านบาท  เพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตได้ต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น

 

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ น่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว และกำลังซื้อที่อยู่อาศัย มีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง สอดรับกับนโยบายของรัฐทั้งการเปิดประเทศและมาตรการผ่อนคลาย LTV  ออกไปถึงปี 2565 และอัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ยอดขายสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีห้องสร้างเสร็จพร้อมโอนมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จากโครงการในทำเลต่างๆ ซึ่งมีหลากหลายในทุกกลุ่มสินค้า นำโดยแบรนด์โมดิซ (Modiz) แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) และโครงการแบรนด์เคฟ (Kave) ซึ่งพร้อมรับอนิสงค์จากมาตรการผ่อนคลาย LTV นอกจากนั้น บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า  7,600 ล้านบาท ที่พร้อมรับรู้รายได้ภายใน 2-3 ปี

“ในไตรมาส 4/64 บริษัทคาดว่าจะเปิดอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง  2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ แอทโมซ ศรีราชา ในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา โครงการ เคฟ เอวา ในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และโครงการแนวราบอีก 1 โครงการ คือ Puripuri Home office ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายรอโอนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีรายได้รองรับในระยะยาว ผลักดันการเติบโตได้สม่ำเสมอ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการตรียมความพร้อมและแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 โดยยังมุ่งเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องในทำเลที่มีความต้องการสูง ด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ความเป็น Best Choice ในทำเลนั้นๆ และยังมุ่งเร่งก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าในปี 2565 เพื่อรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ โมดิซ ลอนซ์ มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท มียอดขาย 100% โครงการ ไอเวอรี่ รัชดา มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท โครงการ โมดิซ คอลเลคชั่น บางโพ มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท และโครงการ เคฟ เอวา มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมุ่งหาความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ๆ และการใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจ อาทิเช่น การนำคริปโตเคอเรนซี่เพือในการชำระค่าห้อง หรือการจัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขยายและสร้างผลกำไรแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 156.8  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 90.5 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,134.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 674.4 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 735.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.0% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 311.5 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,415.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.9% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 2,176.5 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังสามารถรักษา อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 45.1% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 21.0 %

*****************************************

- Advertisement -