บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

JMT Network Services (JMT) Fast & Furious

TP Revision

ประเด็นการลงทุน

การทำสถิติสูงสุดใหม่ได้เร็วและแรงกว่าคาดถึง 1 ไตรมาสจากการเก็บหนี้ได้สูงกว่าเป้า เป็นสัญญาณยืนยันต่อแนวโน้มกำไรที่จะทำลายสถิติต่อใน 5 ไตรมาสข้างหน้า (4Q64-4Q65) ตามที่มองไว้แม้ราคาหุ้นปรับตัว +15% MTD ทว่า ณ ระดับ P/E 30x ยังต่ำกว่าการเติบโตของกำไรต่อหุ้น +37% YoY ในปีหน้า ในะยะสั้นเราเห็น Upgrade game ที่ยังเดินหน้า โดยเฉพาะหลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 18 พ. ย. นี้ ทั้งฝั่งซื้อ-เก็บหนี้ที่ทำได้ดีกว่าตลาดคาดเดิม JMT ยังเป็น Top pick ในกลุ่มบริหารหนี้ฯ แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 62.25 บาท อิง P/E 35x

กําไร 3Q64 ดีกว่าคาด 10%

บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 352 ลบ. +22% QoQ, +24% YoY ดีกว่าที่เรามองไว้ 10% จากธุรกิจบริหารหนี้ตามยอดเก็บเงินสด 1,241 ลบ. +28% QoQ, +26% YoY จากที่มองไว้เพียงทรงตัว QoQ จากการเร่งติดตามหนี้ในช่วงเดือน ก.ย. ที่มีการทยอยเปิดเมือง ทำให้คุณภาพลูกหนี้ขึ้นตัวควบคู่กับประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ของบริษัท  การเพิ่มขึ้นของกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดอีก 6 พันลบ. รับรู้เข้ามาตั้งแต่ปลาย 2Q64 ทำให้อัตรากำไรสุทธิ (NPM) สูงขึ้นเล็กน้อยที่ 37% +160bps ขณะมีรับผลขาดทุนจากธุรกิจประกันเข้ามา -10 ลบ. จากยอดเคลมประกัน COVID-19 ประเภทเจอจ่ายจบ (ปัจจุบันที่เหลืออีกไม่มากถึงต้นปีหน้า)

สองปัจจัยที่ตลาดอาจทบทวนประมาณการขึ้น

สิ่งน่าสนใจมากกว่ากำไรสุทธิที่เกิดขึ้นคือ i) ปริมาณหนี้ลงทุน 7,113 ลบ. ใน 9M64 สูงกว่าเป้าหมายที่เคยให้ไว้ 6 พันลบ. มากสุดในอุตสาหกรรม และเป็นสถิติใหม่ของบริษัท เป็นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในปีหน้า ii) เงินสดเรียกเก็บที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 3Q64 ที่มีการล็อคดาวน์ แต่ยังดีกว่าคาดถึง 25% สะท้อนถึงความสามารถในการเจรจาประนอมหนี้ แม้ในช่วงยากลำบาก ทั้งการลงทุนเก็บหนี้ที่ทำได้ดีกว่าแผนเดิม มีโอกาสที่จะเห็นยอดเก็บเงินสดในปี 2565 อาจถึงระดับ 6,000 ลบ. +50% YoY หรือเฉลี่ย 1,500 ลบ./ไตรมาส ทำให้ตลาดอาจต้องทบทวนประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้นอีกราว 10-20% มาใกล้เคียงกับที่เรามองไว้ระดับ 1.4/2.4 พันลบ. +37% / +71% YoY ตามลำดับ

คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 62.25 บาท

เพื่อสะท้อนความน่าจะเป็นของการเติบโตที่สูงขึ้นใน 12 เดือนข้างหน้า เราปรับราคาเหมาะสมปี 2565 ขึ้น +8% เป็น 62.25 บ./หุ้น ซึ่งวิธีปรับใช้ P/E’65 จาก 32.5x เป็น 35x เป็นระดับที่สะท้อนการเติบโตของกำไรต่อหุ้นหลังการเพิ่มทุน (Fully Diluted EPS) ในปีหน้า และเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (3Yr-CAGR) เท่ากับ 37% และ 43% ตามลำดับ โดยมีความเสี่ยง คือ ยอดจัดเก็บหนี้ไม่เป็นไปตามเป้า, การเปลี่ยนแปลงนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้จากภาครัฐ, การแข่งขันในอุตสาหกรรม

- Advertisement -