บล.ทรีนีตี้:

AMR ASIA – เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) กำไร 9M64 เติบโต YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

  • กำไรสุทธิ 3Q64 เท่ากับ 70 ลบ. (+39.3% QoQ, -20.1% YoY) รวม 9M64 มีกำไร 149 ลบ. (+5.4% YoY) แม้รายได้ลดลง แต่ GPM ดีขึ้น
  • คาด 3Q64 เป็นจุดสูงสุดของปี โดย 4Q64F มีโอกาสอ่อนตัวลงจากวันหยุดที่เยอะกว่าช่วงไตรมาส 3 อาจส่งผลให้มีการส่งมอบงานลดลง ประกอบกับเป็นช่วงปลายโครงการใหญ่ โดยคาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2565
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 65 เท่ากับ 9.76 บาท อ้างอิงวิธี PE ที่ 26 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Conservative ปรับลดจากค่า P/E เฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศที่ราว 32 เท่า โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward P/E เพียง 15 เท่า

กำไรงวด 9 เดือน ปี 2564 เติบโต YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

  • กำไรสุทธิ 3Q64 เท่ากับ 70 ล้านบาท (+39.3% QoQ, -20.1% YoY) ลดลงจากปีก่อนสาเหตุจากการลดลงของรายได้ราว 24.2% YoY อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัย จึงส่งผลให้การอัตราการลดลงของกำไรน้อยกว่าอัตรากการลดลงของรายได้
  • รายได้จำนวน 462 ล้านบาท (+18.5% QoQ, -24.2% YoY) แบ่งเป็น

1) รายได้งานโครงการและให้บริการ (สัดส่วน 93%) อยู่ที่ 430 ล้านบาท (-33% QoQ, -35% YoY) ลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการวางระบบคมนาคมขนส่งของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วยต่อขยาย และสายสีทองซึ่งอยู่ในช่วงท้ายโครงการ จึงทำให้การรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานลดลง ขณะที่โครงการใหม่อื่นๆ ทั้งงานวางระบบคมนาคมขนส่ง และระบบ ICT & System Solution อยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง

2) รายได้จากการขาย (สัดส่วน 7%) จำนวน 32 ล้านบาท (+26% QoQ, -23% YoY) โดยมีโครงการส่งมอบโครงการจัดหาอุปกรณ์และปรับเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าเป็นสายดิน

  • อัตรากำไรขั้นต้น 31.8% (25.7% ใน 3Q63, 28.5% ใน 2Q64) เพิ่มขึ้นจากงานโครงการและให้บริการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น เนื่องจากการควบคุมต้นทุนงานโครงการวางระบบรถไฟฟ้าและโครงการอื่นๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายที่ 13.1% (8.6% ใน 3Q63, 12.0% ใน 2Q64) เนื่องจากส่วนมาก (ราว 86% ของค่าใช้จ่าย) เป็นต้นทุนในการบริหาร ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ไม่แปรผันตามยอดขาย ทำให้มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้ที่ลดลง YoY
  • โดยสรุปกำไรสุทธิงวด 9M64 เท่ากับ 149 ล้านบาท (+5.4% YoY) คิดเป็นสัดส่วนราว 76% ของประมาณการทั้งปี 2564 ที่ 195 ล้านบาท (-21.2% YoY) โดยเรายังคงประมาณการเดิมไว้จากการรับรู้รายได้และกำไรจากงานที่ทยอยส่งมอบในช่วง 4Q64 ที่คาดว่าจะน้อยกว่า 3Q64 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากในไตรมาส 4 มีช่วงวันเทศกาลซึ่งเป็นวันหยุดมากกว่า จึงคาดว่ากำไร 4Q64F จะอยู่ที่ราว 46 ล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ และ YoY โดยมองว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2565 จากงานโครงการที่ทยอยส่งมอบ
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี ’65 ที่ 9.76 บาทต่อหุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 9.76 บาทต่อหุ้น อ้างอิง วิธี PE ที่ 26 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Conservative ปรับลดจากค่า P/E เฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทที่ประกอบธุรกิจ ใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศที่ราว 32 เท่า คำนวณบน EPS ปี 2565 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น โดยยังไม่รวม Upside จากแผนการใช้เงิน ที่ได้จากการ IPO เพื่อลงทุนต่อยอดธุรกิจในประมาณการ โดยราคาปัจจุบัน คิดเป็น Forward P/E เพียง 15 เท่า

ความเสี่ยง: ความไม่สม่ำเสมอของรายได้, อัตรากำไรผันผวน, การส่งมอบงานล่าช้า

- Advertisement -