LPH อวดผลงานไตรมาส 3/64 รายได้รวมโตอยู่ที่ 880.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.99% ส่วนกำไรอยู่ที่ 288.54 ล้านบาท พุ่งแรง 462.83% หนุนภาพรวม 9 เดือนเติบโตแข็งแกร่ง รายได้อยู่ที่ 1,891.85 ล้านบาท กำไรทะยานแตะ 413.67 ล้านบาท เติบโต 364.82% จากรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากทั้งผู้ป่วยประกันสังคม และผู้ป่วยที่ชำระเงินสด จากถานการณ์ โควิด-19 ที่ระบาดหนักมากในช่วงที่ผ่านมา  สนับสนุนทั้งปีรายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่โรงพยาบาลเปิดดำเนินการ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ขึ้น XD วันที่  23 พ.ย.นี้

 

ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 288.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 462.83% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 51.26 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 880.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 80.99% ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 413.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 364.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 88.99 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,891.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,303.71 ล้านบาท

จากผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปีนี้ที่ผลงานออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร ทางคณะกรรมการบริษัทจึงพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ สำหรับงวด 9 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทให้กับหุ้นสามัญของบริษัท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่  23 พฤศจิกายน 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 นี้

ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/64 คาดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งส่งผลต่อยอดรับรู้รายได้จากบริการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยในไตรมาส 4 นี้ คนไข้ทั่วไป (Non-Covid) เริ่มกลับเข้ามารักษาพยาบาลมากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล ทำให้คนไข้คลายกังวลเรื่องโควิด และคนไข้ทั่วไปส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลได้รับการฉีดวัคซีน และกลับเข้ามาโรงพยาบาลพบแพทย์เฉพาะทางอื่นๆ เป็นปกติ

ส่วนวัคซีนโควิด-19 (โมเดอร์น่า) ที่โรงพยาบาลสั่งซื้อผ่านสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและองค์การเภสัชกรรม เป็นทางเลือกให้กับประชาชน โรงพยาบาลได้รับจัดสรรและชำระเงินแล้วประมาณ 40,000 โดส มีผู้สนใจจองเต็มจำนวน โดยเริ่มนำเข้ามาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ขณะนี้เริ่มทยอยฉีดทันทีหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว

*******************************

- Advertisement -