บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SC ASSET CORPORATION เปลี่ยนกลยุทธ์จากรับเป็นรุกในปี 2565

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 25.7%

Close Nov 18, 2021 Price (THB) 3.58

12M Target (THB) 4.50

Previous Target (THB) 3.80

What’s new?

  • บริษัทปรับลดเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 เป็น 9.7 พันลบ. แต่คาดยอดเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2565 เบื้องต้นท่ี 3.0-3.5 หมื่นลบ. สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
  • คาดผลประกอบการ 4Q64 เป็นจุดสูงสุดของปี ที่ระดับ 550-600 ลบ. จาก Backlog รอโอนเป็นจำนวนมาก หนุนด้วยการปลดล็อก มาตรการ LTV และสถานการณ์ COVID-19 ที่ฟื้นตัวขึ้น

Our View

  • ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ขึ้น 14.7% และ 4.5% เป็น 2.1 พันลบ. และ 2.4 พัน ลบ. ตามลำดับ จากผลประกอบการ 9M64 ท่ีโดดเด่น และแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ท่ีหนาแน่นในปี 2565
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.50 บาท/หุ้น
  • SC มีจุดเด่นเฉพาะตัวคือ นโยบายจ่ายเงินปันผลปีละคร้ัง คาดงวดปี 2564 ท่ี 0.20 บาท/หุ้น

ปรับเป้าการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564… แต่คาดยอดเปิดตัวทำ New High ในปี 2565

ในช่วง 9M64 ท่ีผ่านมา บริษัทมียอดเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 7.9 พันลบ.แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการรวมมูลค่า 6.9 พันลบ. และโครงการแนวสูง 1 โครงการคือ Scope Promsri มูลค่า 1.0 พันลบ. (ณ สิ้น 3Q64 มียอดขายแล้ว 38%) สำหรับช่วง 4Q64 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีกจำนวน 2 โครงการคือ Venue IDENTITY Rama 5 (500 ลบ.) และ Venue IDENTITY Westgate (1.3 พันลบ.) เป็น Brand ใหม่ในช่วงระดับราคาขาย 5.0-10.0 ลบ.ซึ่งเน้นไปยังการออกแบบท่ีทันสมัย และพื้นท่ีส่วนกลางสำหรับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระห่างการเริ่มต้นครอบครัว และครอบครังขนาดเล็ก ที่มีความต้องการใช้พื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆทั้งนี้มาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในช่วง 3Q64 เป็นผลให้บริษัทได้เลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการไปยังปี 2565 ได้แก่ 1) Centric Wongwean Yai (3.6 พันลบ.) 2) Bangkok Boulevard Bangna – Srinakarin (2.0 พันลบ.) และ 3) Bangkok Boulevard–Wongwean (1.2 พันลบ.) ทำให้เป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 2564 ปรับลดลงอยู่ที่ 9.7 พันลบ.น้อยกว่าเป้าหมายต้นปีท่ี 1.7 หมื่นลบ.

สำหรับมูลค่าเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 เบื้องต้นเราคาดบริษัทจะเปิดตัวโครงการแนวราบรวมมูลค่าอย่างน้อย 2.0 หมื่นลบ. (เป็นผลจากการลงทุนงบประมาณในการซื้อท่ีดินในปี 2564 ท่ีราว 1.0 หมื่นลบ. บวกกับโครงการท่ี เลื่อนการเปิดตัวจากปี 2564) และโครงการแนวสูงอีกจำนวน 3-4 โครงการรวมมูลค่าราว 1.0-1.5 หมื่นลบ.ทั้งนี้ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ท่ีระดับ 3.0-3.5 หมื่นลบ.(เติบโตขึ้นกว่า 200-250%YoY) จะเป็นจุดท่ีสูงท่ีสุดเป็นประวัติการณ์ และจะเป็นปัจจัยสำไคัญหนุนการเติบโตของยอดขาย และยอดโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 เป็นจุดสูงสุดของปี …ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564/65

เราคาดผลประกอบการดบื้องต้นในช่วง 4Q64 จะเป็นจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 550-600ลบ.+/- หนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1) Backlog ท่ีคาดรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 4Q64 ท่ี 5.2 พันลบ. (แบ่งเป็นแนวราบ-แนวสูงท่ี 4.6 พันลบ. และ 668 ลบ. ตามลำดับ ) คิดเป็น Secured revenue กว่า 104% เมื่อเทียบกับประมาณการรายได้ปี 2564 ของเราท่ี 1.8 หมื่นลบ. และ 98% เมื่อเทียบกับเป้าหมายรายได้ปี 2564 ของบริษัทท่ี 1.9 หมื่นลบ. 2) การปลดล็อกมาตรการ LTV ของ ธปท. ในช่วงปลายเดือน ต.ค. 2564 (สิ้นสุดในวันท่ี 31 ธ.ค. 2565) จะเป็นแรงหนุนสำคัญในการระบาย Inventoryโดยเฉพาะสินค้าแนวสูงพร้แมโอน (Ready-to-move) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 5.4 พันลบ. 3) แผนการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในช่วง 4Q64 จำนวน 1.8 พันลบ. คาดสามารถรับรู้ยอดโอนได้ภายในไตรมาส และ 4) อัตราการปฏิเสธสินเช่ือ (Rejection rate) ที่ปรับตัวลดลงจากระดับ 13.2% และ 14.8% ในปี 2562 และ 2563 เป็น 10.7% ในช่วง 9M64 โดยเราคาดแนวโน้ม Rejection rate จะยังคงระดับ 10.0-11.0% ในช่วง 4Q64-2565 เป็นบวกต่อการโอนกรรมสิทธ์ิจาก Backlog ทั้งโครงการแนวราบ และแนวสูง (ปัจจุบันบริษัทมี Backlog รวมท่ี 8.7 พันลบ.คาดรับรู้ในปี 2564/65 ท่ี 5.2 พันลบ. และ 3.5 พันลบ. ตามลำดับ)

กำไรปกติ 9M64 ท่ีคิดเป็นกว่า 81.5% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรทั้งปี 2564 ของเราท่ี 1.8 พันลบ.,การปลดล็อกมาตรการ LTV และคาดการณ์ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 เป็นผลใหเ้ราปรับประมาณการกำไรปี 2564/65 เพิ่มขึ้น 14.7% และ 4.5% เป็น 2.1 พันลบ. และ 2.4 พันลบ.ตามลำดับ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.50 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ ” พร้อมปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.50 บาท/หุ้น (อิง PER2565 เท่าเดิมท่ี 7.8x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มท่ีราว 8.0x) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565 ที่เพียง 6.2x ต่ำกว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลยุทธ์เปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 ในเชิงรุก คาดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัท Outperform กลุ่มได้ในปี 2565/66

นอกจากนี้ SC ยังมีจุดเด่นเฉพาะตัวคือนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง โดยเราคาดการณ์เงินปันผลงวดปี 2564 ท่ี 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 5.6% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น

ความเสี่ยงสำคัญ 1) การแข่งขันที่สูงขึ้นของตลาดแนวราบในปี 2565 2) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ ระบาด COVID-19 และผลกระทบต่อกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ และ 3) อัตราการปฏิเสธสินเช่ือที่สูงกว่าคาด

- Advertisement -