ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบใกล้จุดสูงสุดเดิม 1,658 จุด แต่มีแรงขายทํากําไรในหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 5.96 จุด และไม่สามารถยืนปิดเหนือระดับ 1,650 จุด สิ้นสัปดาห์ได้ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 316 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิหนาแน่น 3.3 พันลบ. (และ Short Index Futures 7.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Down พักตัวในกรอบ 1,638-1,650 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรง 4% จากความกังวล Lockdown ในยุโรปรวมถึง OPEC+ ที่ทยอยเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องทุกๆเดือน ขณะที่กลุ่มส่งออกและอิเล็กทรอนิกส์คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่พลิกมาอ่อนค่า ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกําไรบริษัทจดทะเบียนใน 4Q21 เป็นต้นไป โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Reopening Play อย่างเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร รับเหมาฯ อสังหาฯ รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์และธนาคารที่จะทยอยเห็นการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น และสํารองที่ทยอยลดลง ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวคาดต้องติดการฟื้นตัวอีกระยะ โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค. -ม.ค. ซึ่งเป็น High Season กลยุทธ์ยังแนะนำ “ถือลงทุน” สำหรับส่วนที่สะสมมาแล้ว ส่วนระยะสั้นเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard และยังมี Valuation ยังต่ำกว่าก่อนวิกฤต COVID-19

กลยุทธ์: เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: ORI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 4Q21 คาดเร่งตัวขึ้นเด่น Q-Q และ Y-Y และเป็นจุดสูงสุดของปีจาก Backlog รอโอน 4.3 พันลบ. และอานิสงส์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จากสต๊อกในมือที่สูง
  • ยังคงมุมมองบวกระยะยาวว่า ORI จะเป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯ จากการลงทุน และ JV ร่วมกับ Partner ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้เกิด Synergy ร่วมกัน และเพิ่มรายได้ประจํา รวมถึงการปลดล็อคมูลค่าบริษัทลูกผ่านการ Spin-Off
  • แนวรับ 11.30-11.40 บาท แนวต้าน 11.50 // 11.90-12 บาท

Fund Flow:

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคและหนาแน่นขึ้นเป็น US$ 451 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$ 372 ล้าน และ US $ 260 ล้าน ตามลำดับ จากกลุ่มเทคโนโลยีที่ยัง Outperform ทั่วโลก ส่วนตลาดอาเซียนไหลออกทุกประเทศ นําโดยไทย US $99 ล้านแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลเข้าจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่พึ่งขึ้น อีกครั้ง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) DTAC-TRUE มีข่าวเตรียมแถลงร่วมมือ Eco-Partnership ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนว่าท้ายสุดแล้วจะออกมาในรูปใด ทั้งการเข้าซื้อจากฝั่ง TRUE (เราให้น้ำหนักน้อยจากประเด็นฐานะการเงิน) หรือเป็นหาร Swap หุ้น จัดตั้งบริษัทใหม่หรือ Infra-Sharing รวมถึงการพิจารณาของ Regulator ทั้งกสทช. และกขค. อย่างไรก็ตาม หากดีลดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงเรามองบวกต่อทั้ง TRUE-DTAC ที่จะเกิด Synergy โดยเฉพาะด้านต้นทุนระยะยาว รวมถึงอุตสาหกรรมสื่อสารฯ ที่การแข่งขันจะลดลง FSSIA ให้ราคาเป้าหมาย DTAC 42 บาท และ TRUE 4.20 บาท

(+) CBG เราคาดจะเห็นกำไร 4Q21 ฟื้นตัวอย่างช้าๆหลังคลาย Lockdown แต่ยังไม่แข็งแรงเท่าช่วง 2Q21 ขณะที่ Margin ยังมีแรงกดดันจากต้นทุนอลูมิเนียมที่ยังสูงผู้บริหารตั้งป้ารายได้ Energy Drink โต 20-25% จากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ 3rd Party Distribution คาดอย่างต่ำ +50% นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวสินค้า CBD ในช่วงต้นปี 2022 รวมถึงโอกาสเกิด M&A และ Partnership ในอนาคต เรายังคงราคาเป้าหมาย 164 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(0) JP เป็นผู้ผลิตยาและอาหารเสริมและมีประสบการณ์อย่างยาวนานเป็นสิบปี ธุรกิจเติบโตคู่กระแสรักสุขภาพ หนุนการเติบโตของรายได้ ขณะที่ Margin คาดขยายตัวตามกลยุทธ์เพิ่มสินค้า Owned Brand เป็น 50% จากปัจจุบันที่ 32% เราคาดกำไรปี 2021-2022 +23% Y-Y และ +85% Y-Y ประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 7.60 บาท แนะนำ “ซื้ออ่อนตัว”

(+) IPO ใหม่ NV เป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทย  เติบโตตามแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เป็นขาขึ้น ทั้งจากสังคมผู้สูงอายุและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น มีจุดแข็งหลักคือการมีโรงงานเป็นของตัวเอง ทำให้ได้เปรียบด้าน Margin และทนทานต่อการแข่งขันที่รุนแรงได้ดี เราคาดกำไรปี 2021 -88% Y-Y จากฐานสู งและความเชื่อผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กลุ่มถั่งเช่าที่ลดลง แต่คาดกลับมาฟื้นตัวในปี 2022 +122% Y-Y ส่วนโรงงานและคลังใหม่จะหนุนการเติบโตระยะยาวในปี 2023 เป็นต้นไป เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2022 ที่ 7.70 บาท (Finansia อาจเป็นผู้จัดจําหน่ายฯ )

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 268.97 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 35,601.98 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ในยุโรป รวมถึงอาจใช้มาตรการล็อกดาวน์

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมท่ามกลางความกังวลจากการแพร่ระบาด COVID-19 ในยุโรป ขณะที่ติดตามธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เช้านี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.91 ดอลลาร์หรือ 3.7% ปิดที่ 76.10 ดอลลาร์/บาร์เรลจากการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ในยุโรป กระทบอุปสงค์น้ำมัน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 1,851.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 985.00 / +8.14

- Advertisement -