Energy sector: ติดตามเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น การ lockdown ของยุโรปหลังการระบาดของโควิด-19 เร่งตัวขึ้น การระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น การเจรจา Nuclear deal ของอิหร่านวันที่ 29 พ.ย. รวมถึงจำนวน Oil rig count ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับฐานต่อ มองเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน แต่จะเป็นบวกต่อกลุ่ม Anti oil
ICT sector: ติดตามดีลควบรวมระหว่าง DTAC กับ TRUE หลัง Telenor เปิดเผยว่ากำลังเจรจากับทางกลุ่ม CP ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์ของ KS ประเมินว่าดีลนี้จะเป็นบวกกับภาพรวมของอุตสาหกรรมเพราะจำนวนผู้เล่นน้อยลง การแข่งขันลดลง ขณะเดียวกันต้องติดตาม swap price, สัดส่วนการถือหุ้นหลังจบดีล และ synergies ที่จะเกิดหลังจากนี้ เช่น การลดต้นทุน สาขา-ค่าการตลาด เป็นต้น ขณะที่ กสทช. เรียกดีแทค-ทรู แจงข่าวลือควบกิจการ 22-23 พ.ย.นี้ นอกจากนี้มองว่า DIF จะได้ประโยชน์จากโอกาสในการขายเสาของ DTAC เข้ากองทุนด้วย
FTSE rebalance: การปรับหุ้นตามดัชนี FTSE รอบนี้ ไม่มีหุ้นเข้าออกในดัชนี Large Cap และ Mid Cap ขณะที่ดัชนี Small Cap มีหุ้นเข้าคำนวณ 1 ตัว ได้แก่ TIDLOR ส่วนดัชนี Micro Cap มีหุ้นเข้า 7 ตัว ได้แก่ AMR, ASW, DMT, GROREIT, INETREIT, NSL, SNNP การปรับน้ำหนักจะเกิดขึ้น ณ วันที่ 17 ธ.ค. 64
Banking sector: ติดตามข่าว ธปท. เตรียมตรวจสอบกรณีแบงก์พาณิชย์ขายประกันพ่วงเงินกู้-บี้พนักงานทำยอด ทั้งนี้ ธปท. ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม ซึ่งเริ่มกำกับดูแลเข้มข้นมาตั้งแต่ปี 2561 ติดตามข่าวเรื่องมติ สคบ. เกี่ยวกับการกำหนดเพดานดอกเบี้ยสำหรับธุรกิจลิสซิ่ง รวมถึงการปรับตัวของบริษัทต่างๆ โดยล่าสุด AMANAH เตรียมจะเปลี่ยนจากสัญญาเช่าซื้อ มาใช้สัญญาจำนำทะเบียนทั้งหมด ตอนนี้ได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการชารีอะห์เรียบร้อย
IE sector: ติดตามยอดขายที่ดินของกลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA, PIN) หลังผู้บริหาร WHA ชี้ยอดขายที่ดินปีนี้มีแนวโน้มสูงกว่าคาด จากการเคลื่อนย้ายฐานทุนมาสู่ไทย อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและป้องกัน ผลกระทบจากสงครามการค้า ขณะที่สถานการณ์โควิด ที่ผ่านมา ทำให้ซัพพลายเชนมีปัญหาต้องเร่งกระจายฐานลงทุน ขณะที่ต้นทุนค่าแรงขยับ และมีความเสี่ยง ด้านพลังงานจากการที่จีนต้องการการปล่อยคาร์บอนเป็น ศูนย์ ทำให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และมีคำสั่งจำกัดการผลิต
Domestic linked sector: ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการเปิดเศรษฐกิจ และเปิดประเทศใน 4Q21 แล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังทยอยลดลง ขณะที่จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว 39 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 56% ของประชากรรวม โดยตัวเลข Apple mobility ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ +19% สูงกว่าก่อนโควิด-19 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยใน 4Q21 ที่ประมาณ 20-25% เทียบก่อนโควิด-19 ทั้งนี้ รมว.คลัง ประเมินว่า GDP ในปี 2021 จะขยายตัวได้ 1.2% และจะโต 4.5% ในปี 2022 มองจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ เช่น ธนาคาร, ค้าปลีก และอสังหาฯ เป็นต้น
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1640-1650 หุ้นแนะนำ ADVANC, BGRIM, EPG
Top pick: ADVANC (ราคาพื้นฐาน 207.24 บาท). คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่อาจลดลง หากมีการควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC. BGRIM (ราคาพื้นฐาน 60.00 บาท). เป็นหนึ่งในหุ้น Laggard ที่สุดในกลุ่ม ขณะที่บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม. EPG (ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท) คาดแรงหนุนของยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจจะยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมา
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตาม การกำนหนดดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate 1 ปีของจีน คาดคงดอกเบี้ยที่ 3.85%
วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน ต.ค. คาด +13% YoY และ +28.7% YoY ตามลำดับ ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน พ.ย. คาด 51 จุด (-1.9%) และของยูโรโซน คาด 53.1 จุด (-2.0% MoM) ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด 59 จุด (+1% MoM) และตัวเลข Markit Services PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด 59.1 จุด (+0.7% MoM)
วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Info business climate ของเยอรมันเดือน พ.ย. คาด 96.7 จุด (-1% MoM) ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์คาด +2.6 แสนคน ตัวเลข New home sales ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด -2% MoM เป็น 8 แสนยูนิต ดัชนี PCE Price index เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯคาด +0.6% MoM และ +4.9% YoY ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ และ FOMC minutes
วันศุกร์ ติดตาม ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde และตัวเลข Oil rig count ของสหรัฐฯ โดยสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 461 rig (+7 rig WoW)