Daily Focus: Domestic and Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่มสื่อสารฯ ที่มีประเด็นหนุนจากการควบรวมระหว่าง DTAC-TRUE รวมถึงแรงซื้อ ADVANC INTUCH ชดเชยกลุ่มพลังงานที่ชะลอตามราคาน้ำมัน และค้าปลีกที่อ่อนลงได้ โดยดัชนีปิดบวกได้ 4.48 จุด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฝ่ายละราว 1.7 พันลบ. (ต่างชาติ Long Index Futures 2.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways พักตัวในกรอบ 1,645 1,655 จุด โดยมีปัจจัยกดดันอ่อนๆ จาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่พุ่งแรง หลังเจอโรมพาวเวลได้รับเลือกเป็นประธาน FED สมัยที่ 2 ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเกิดการพักฐานระยะสั้น เช่นเดียวกับทองคำที่ร่วงแรง อย่างไรก็ตาม เราประเมินโฟกัสหลังของไทยยังคงอยู่ที่การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะดีขึ้นใน 4Q21 เป็นต้นไป โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Reopening Play อย่างเฉพาะกลุ่ม ค้าปลีก ร้านอาหาร รับเหมาฯ อสังหาฯ รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์และธนาคาร ที่คาดเห็นการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น และสำรองที่ลดลง ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวต้องประเมินสถานการณ์ในเดือน ธ.ค. -ม.ค. ที่เป็น High Season ว่าฟื้นเร็วเพียงใด กลยุทธ์ยังแนะนำ “ถือลงทุน” สำหรับส่วนที่สะสมมาแล้ว ส่วนระยะสั้นเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard และยังมี Valuation ยังต่ำกว่าก่อนวิกฤต COVID-19

กลยุทธ์: เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: XO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 4Q21 จะกลับมาฟื้นตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y จากปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลาย เหลือเพียงทยอยส่งมอบสินค้าให้ทัน ส่วนราคาวัตถุดิบไม่ได้ขึ้นแร งและมีการล็อคราคาไว้แล้ว
  • ล่าสุดเริ่มส่งออกซอสกัญชงแล้วใน 3Q21 และผลตอบรับดีและเตรียมทำซอส CBD และ เลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต 50% เร็วขึ้นเป็น 1Q22 ประมาณการของเรามี Upside เทียบกับเป้ารายได้ผู้บริหารที่คาดปี 2022 +10-15%
  • แนวรับ 17.70-17.50 บาท แนวต้าน 18.30-18.50 บาท

(กรรมการและกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ XO)

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคและหนาแน่นขึ้นเป็น US$ 729 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$ 553 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนค่อนไปในทิศทางไหลเข้า นำโดยไทย US$ 53 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลเข้า แต่ชะลอตัวจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่พุ่งแรง หลังเจอโรมพาวเวลได้รับเลือกเป็นประธาน FED สมัย 2

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ส่งออกไทยเดือน ต.ค. ดีกว่าคาดเล็กน้อย +17.4% Y-Y รวม 10M21 เติบโต +15.7% Y-Y และคาดจะสามารถบรรลุเป้าหมายเฉลี่ยของภาครัฐทั้งปีที่ราว +16% Y-Y ได้กลุ่มสินค้าที่แข็งแกร่ง ยังคงเป็นชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ยาง และสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ส่วนที่ชะลอตัวเป็นอาหารทะเลกระป๋องและเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม จากฐานปี 2021 ที่ทำไว้สูง ทำให้การเติบโตของการส่งออกปีหน้าคาดชะลอลงอยู่ในกรอบ +3.7-4.9% Y-Y หุ้นกลุ่มส่งออกที่เรายังชอบและแนะนำ “ซื้อ” คือ KCE SMT TU SAT AH EPG

(+) DTAC-TRUE ประกาศควบรวมกิจการและตั้ง MergeCo ใหม่ มอง Revenue Market Share กว่า 40% ซึ่งไม่ถึงขั้นผูกขาด และเตรียมต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยี และวางงบ US $ 200 ล้านลงทุน Start-Up เรามองบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนซ้ำซ้อน ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อสารฯ ดีขึ้นจากการแข่งขันที่ลดลงและเอื้อต่อการทำกำไร ส่งผลให้ประมาณการกำไรระยะยาว และราคาเป้าหมายจาก FSSIA สำหรับ ADVANC (220 บาท) DTAC (42 บาท) TRUE (4.20 บาท) มี Upside แนะนำ “เก็งกำไร” (The Chairman Of The Board of Finansia Syrus Securities PCL is also TRUE’s Director.)

(0) AOT ขาดทุนปกติ 4Q21 (ก.ค. -ก.ย. 21) 4.2 พันลบ. ใกล้เคียงคาด และมีด้อยค่าสนามบินเชียงราย ทำให้ขาดทุนสุทธิ 5.2 พันลบ. ทั้งปี 2021 ขาดทุนปกติ 1.53 หมื่นลบ. อย่างไรก็ตาม คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ก่อนทยอยฟื้นในปี 2022 แต่จะยังไม่กลับมากำไร เรายังคงราคาเป้าหมาย 80 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุน” (Source: FSSIA)

(+) EA แนวโน้มกำไร 4Q21 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการส่งมอบรถ E-Bus และการ COD โรงงานแบตเตอรี่ต้นเดือน ธ.ค. สำหรับเฟสแรก 1 GWh ที่อยู่ใน Free Zone ซึ่งการเปิดตลาดก่อนใครจะทำให้บริษัทสร้างฐานลูกค้าได้ก่อนใคร ขณะเดียวกันสถานีชาร์จทั้งรถและเรือไฟฟ้ามีมากสุดในประเทศ 427 สถานีกว่า 1.7 พันหัวจ่าย เป็นการสร้าง Eco system ที่ครบครันทั้ง R&D ระบบ Fast charge เพื่อซัพพอร์ตรถ EV ทุกค่ายด้วยต้นทุนที่ต่ำ เรายังคาดกำไรปี 2021-23 +57% / +19% / +14% ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 88 บาทแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) (The President of Finansia Syrus is EA’s independent director and audit committee)

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 17.27 จุดหรือ 0.05% ปิดที่ 35,619.25 จุดหลังประธานาธิบดีโจไบเดนประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมหลังประธานาธิบดีโจไบเดนเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณแรงงาน

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 81 เซนต์หรือ 1% ปิดที่ 76.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจปรับแผนการผลิตน้ำมัน หากสหรัฐและพันธมิตรทำการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองเพื่อกดดันราคาน้ำมันในตลาดโลก

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 45.3 ดอลลาร์หรือ 2.45% ปิดที่ 1,806.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 985.00 / +-

- Advertisement -