WHAUP มั่นใจโค้งสุดท้ายธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง ได้แรงหนุนจากธุรกิจสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ทั้งในประเทศ และเวียดนาม ขยายตัวอย่างโดดเด่น พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมโซลูชันพลังงานหมุนเวียนเพิ่ม มั่นใจ Solar Rooftop ส่อแววทะลุเป้าที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีสัญญาอยู่ในมือแล้ว 85 เมกะวัตต์

 

ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP  เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานมีการเติบโตที่ดีขึ้น จากการขยายตัวของการให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในประเทศไทย ทั้ง 11 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง ประกอบด้วย 2  ธุรกิจ

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ภาพรวมธุรกิจสาธารณูปโภคทั้งในประเทศ และในเวียดนาม มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการขยายกำลังการผลิต และลูกค้ารายใหม่จากกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี รวมถึงการกลับมาดำเนินงานตามปกติของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมฯ

นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการให้ผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) จากการนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการบำบัดและใช้ใหม่ (Wastewater Reclamation) ไปผลิตและเพิ่มมูลค่าเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาหลากหลายโครงการ อาทิ โรงบำบัดน้ำแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA RY36) กำลังการผลิต 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุสำหรับจำหน่ายแก่ลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท ด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และโครงการแหล่งน้ำดิบทางเลือก กำลังการผลิต 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

ส่วนการให้บริการด้านสาธารณูปโภคในเวียดนาม ยังคงมียอดการจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant : SDWTP)  และบริษัท เก๋อ หล่อ วอเตอร์ ซัพพลาย (Cua Lo Water Supply) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ- 1 เหงะอาน ที่มีการก่อสร้างเพื่อขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 8.4 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการดำเนินการวางท่อเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตการให้บริการและรองรับปริมาณการใช้น้ำประปาที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของประชากร

ด้านธุรกิจไฟฟ้า คาดว่ามีการเติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 แห่งที่ และกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ผลการดำเนินงานฟื้นตัวจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้า Gheco-One หลังจากที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้กลับมาดำเนินงานตามปกติในไตรมาส 4/64  และยังมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งล่าสุดได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโครงการ Prinx Chengshan ขนาด 19 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดเมกะวัตต์สูงที่สุดที่บริษัทเคยติดตั้งมา ส่งผลให้มียอดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม ณ สิ้นไตรมาส 3/64 แล้วทั้งสิ้น 85 เมกะวัตต์ ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าทั้งปีที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ จึงทำให้มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์สูงกว่าเป้าปี 2564 ที่วางไว้

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมมือกับ บมจ.ปตท. และบริษัท เซอร์ทิส เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะเพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ได้แก่ ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงาน โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC Sandbox)

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการทดสอบการนำระบบกักเก็บพลังงาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเชื่อว่า นวัตกรรมต่างๆ เหล่านี้ จะสร้างโอกาสในการขยายกำลังการผลิตในส่วนของ Renewable Energy และ Business Model ใหม่ให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค

***********************************

- Advertisement -