Daily View

เมื่อวานที่ผ่านมาทางคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลให้มีสัดส่วนผสมเดียวคือ B7 จากเดิมที่มีผสมอยู่ 3 สัดส่วน ได้แก่ B7 B10 B20 ขณะเดียวกันได้ขอให้ผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดไว้ที่ 1.4Bt/Lite หุ้นที่รับผลกระทบจะเป็น GGC เนื่องจากปัจจัยข้างต้นจะเป็นปัจจัยลดอุปสงค์ไบโอดีเซล ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักราว 65.7% จากการขายเมทิลเอสเทอร์เป็นผลิตภัณฑ์นำไปผสมเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ส่วนอีกกลุ่มจะได้ผลกระทบคือปั๊มน้ำมัน (OR PTG) เนื่องจากมีการตรึงค่าการตลาด โดยเฉพาะ PTG จะกระทบค่อนข้างสูงกว่า OR เพราะมีสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลอันดับแรกราว 70% ของปริมาณขายทั้งหมด ส่วนทิศทาง SET INDEX วันนี้ คาดกลับมาแกว่งในกรอบ 1642 – 1654 ภาพรวมวันนี้ทรงตัว จาก Dow Jones ที่ปิดแคบเพียง -0.03% แม้จะได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี นำมาโดยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ที่เพียง 1.99 แสนตำแหน่ง ดีกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 2.59 แสนตำแหน่ง แต่เผชิญแรงกดดันจากผลประกอบการต่ำกว่าคาด ด้านราคาน้ำมันดิบแกว่งแคบ -0.1% หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำทยอยสะสม Domestic Play ต่อไป ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO ILM) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) สื่อนอกบ้าน (VGI) เครื่องดื่ม (CBG TACC) ร้านอาหาร (M MINT) ปั๊มน้ำมัน (PTG) รถไฟฟ้า (BTS BEM) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ส่วนระยะสั้นแนะ SAPPE STEC TACC

Stock Pick

SAPPE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 36.5 บาท) คาดผลประกอบการใน 4Q21 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อน หลงัการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์  ในขณะเดียวกันเราคาดว่าจะลดลง QoQ ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยทางฤดกูาล

TACC (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย 9.25 บาท) วานนี้เรามีการอัพเดทข้อมูลกับทางผู้บริหาร TACC ถึงแนวโน้มในอนาคต โดยในแง่รายได้หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่เดือนก.ย.ยอดขายเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าหรือปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มเครื่องดื่มที่ขายใน 7-11 ที่มีการออกรสชาติใหม่เพิ่มอย่างน้ำเก๊กฮวยเป็นต้น รวมถึงการเข้าร้านในกลุ่มโลตัสได้เพิ่มขึ้นทั้งในศูนย์อาหารที่มีขายแล้ว 21 สาขา จาก 240 สาขา (ณ เดือน ก.ย. มี 17 สาขา)

- Advertisement -